ข่าวที่น่าสนใจ
โดยพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ บอกว่า ที่มายื่นหนังสือในวันนี้เพราะต้องการให้ ปปง.ไปตรวจสอบว่าข้อเท็จจริงที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ และ สน.เตาปูน สอบสวนคดีความผิดที่มีมูลค่าเกินกว่า 300 ล้าน ตามหลักกฎหมายจะต้องส่งให้พนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ตำรวจจะสอบสวนเองไม่ได้ เมื่อสอบสวนโดยไม่มีอำนาจ การทำรายงานข้อเท็จจริงและความผิดฟอกเงินต่างๆ ส่งมาให้ ปปง. นั้นก็จะมิชอบด้วย ปปง.จะไม่สามารถนำเอาไปดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินต่างๆ หรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ดังนั้นกระบวนการทั้งหมดก็จะเป็นโมฆะทั้งหมด ต้องเริ่มกระบวนการสอบสวนใหม่อย่างเป็นธรรม คดีไหนเป็นความผิดเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐอำนาจสอบสวนต้องเป็นของ ปปช. ก็ต้องส่ง ปปช. ภายไหน 30 วัน โดยส่วนตัวไม่ได้คาดหวังว่าหน่วยงานไหนจะเป็นผู้รับผิดชอบทางคดี เพียงแต่มาชี้แจงให้ ปปง.เห็นข้อเท็จจริงในส่วนนี้
ส่วนกระบวนการต่อไปของตนเองจะเตรียมล่ารายชื่อ 20,000 รายชื่อ เพื่อยื่นถอดถอนนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข กรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งจะเป็นการล่ารายชื่อของประชาชนผ่านแพลติฟอร์มออนไลน์ ส่วนจะยื่นสถาหรือ ศาลฎีกาแผนกคดีศาลฎีกาแผนกคดีคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเมื่อไหร่นั้นค่อยว่ากันอีกที แต่ตอนนี้ต้องขอให้ได้รายชื่อก่อน ซึ่งเทคโนโลยีสามารถตรวจสอบได้ หลอกกันยาก
“วันนี้ใครหลอกใครยาก เพราะมีโซเชียลมีเดียตรวจสอบ การหลอกมันต้องเข้าไปพบ ก็เหมือนบางคนที่ต้องเข้าไปพบนายก ถึงหลอกได้ ต้องเรียนตามตรงว่าเรื่องทั้งหมดที่ผมทำอยู่เพื่อความเป็นธรรม จริงๆแล้ว
ถ้าอยากจะเป็นมาบอกผมตรงๆก็ได้ บายให้ก็ได้ ไม่ต้องมาใช้วิธีกสรแบบนี้ มาพูดกับผมตรงๆ ผมจะได้พาไปกราบ พลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ“
นอกจากนี้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ยังบอกอีกว่านอกจากจะพาไปกราบ พล.ต.อ.เผ่า แล้วยังจะพาไปกราบขอโทษนายกรัฐมนตรีด้วยที่ไปหลอกและขออย่าไปหลอกเขาอีก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
