สำนักข่าวอิรวดีรายงานเมื่อวานนี้ (พุธที่ 24 เมย.) ว่าสถาบันสันติภาพสหรัฐ (USIP) ได้เผยรายงานแสดงความวิตกกรณีแก๊งหลอกลวงต้มตุ๋นของกลุ่มนักธุรกิจที่มีสมาชิกจีนเทาเป็นแกนหลักได้มาตั้งสำนักงานอยู่ที่พรมแดนเมียวดี-แม่สอด กันเป็นจำนวนมาก ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังจากที่รัฐบาลจีนร่วมกับรัฐบาลทหารเมียนมาทำการกวาดล้างแก๊งต้มตุ๋นกลุ่มนี้ที่บริเวณพรมแดนเมียนมา-จีน ที่รัฐฉานเมื่อปีที่แล้ว (2566) และมีการส่งตัวคนร้ายเกือบ 4 หมื่น 5 พันคนจากแก๊งนี้ รวมทั้งสมาชิกระดับหัวหน้าหลายคน กลับไปลงโทษที่จีน
USIP เผยว่าปฏิบัติการกวาดล้างที่รัฐฉานทำให้สมาชิกต้มตุ๋มออนไลน์บางส่วนย้ายมาเปิดที่พรมแดนเมียวดี-แม่สอด แทน โดยปรากฎให้เห็นอาคารขึ้นใหม่หลายสิบหลังที่บริเวณพรมแดน ขณะที่บางส่วนไปย้ายไปเปิดสำนักงานที่พรมแดนลาว และกัมพูชา บางส่วนย้ายไปอยู่ที่พรมแดนท่าขี้เหล็กติดอำเภอแม่สายของไทย
ในส่วนที่เปิดที่เมียวดีติดแม่สอดของไทยนั้น มีกลุ่มติดอาวุธกะเหรี่ยงดูแลและแบ่งผลประโยชน์อยุ่หลายกลุ่มรวมทั้งกลุ่มกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNA หรือชื่อเก่าคือกองกำลังรักษาความปลอดภัยชายแดนหรือ BGF ที่มีนายพลหม่องชิตู เป็นหัวหน้า นอกจากนี้ยังมีกองทัพกะเหรี่ยงเพื่อประชาธิปไตย (DKBA) และกองทัพปลดปล่อยแห่่งชาติ (KNLA) โดยกลุ่ม KNA และ DKBA เป็นพันธมิตรกับรัฐบาลทหารเมียนมา
ที่เมียวดี รัฐบาลจีนได้ร่วมมือกับกองทัพเมียนมาจับกุมสมาชิกแก๊งตุ้มตุ๋นชาวจีนกว่า 900 คน ส่งกลับไปประเทศจีน อย่างไรก็ตามทั้งจีนและไทยไม่มีการกวาดล้างเครือข่าย ไม่มีการออกหมายจับหม่องชิตตูและสมาชิกระดับหัวหน้าของกลุ่มติดอาวุธกะเหรี่ยงที่คุมพื้นที่และแบ่งผลประโยชน์เหมือนกับที่รัฐฉาน
USIP ชี้ว่าเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ที่เมียวดีมีความซับซ้อนและมีผลประโยชน์ที่ร่วมกันและขัดกันกันหลายกลุ่ม ทำให้ซับซ้อนกว่ากว่าเครือข่ายที่รัฐฉาน เพราะที่นั่นดูแลโดยกลุ่มอาวุธของจีนเพียงกลุ่มเดียว แต่ที่เมียวดี ในรัฐกะเหรี่ยง ถือเป็นเครือข่ายข้ามชาติ มีการแบ่งปันผลประโยชน์กันทั้งในกลุ่มติดอาวุธในประเทศของเมียนมาเองและชาวต่างชาติ ทำให้ปฏิบัติการกวาดล้างของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องทำได้ยากขึ้น เปิดช่องให้เครือข่ายที่พรมแดนเมียวดี-แม่สอด ฉวยโอกาสขยายกิจการได้สะดวกและรวดเร็ว ทั้งนี้ USIP ได้เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐและรัฐบาลไทยใช้ความเป็นผู้นำในการกวาดล้างเครือข่ายแก๊งต้มตุ๋นหลอกลวงและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่เมียวดี-แม่สอดอย่างจริงจัง