พล.ต.ต. ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะโฆษก บช.น. พร้อมด้วย พันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงสถานการณ์การชุมนุม โดยวันนี้(10 ก.ย.) พบมีการนัดหมายชุมนุมหลักๆ คือ กลุ่มเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี ทำกิจกรรมคาร์ม็อบ (ในเวลาประมาณ 11.30 น.) จากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไปสิ้นสุดที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และกลุ่มทะลุแก๊ส บริเวณแยกดินแดง ซึ่งย้ำว่า การชุมนุมในลักษณะเสี่ยงต่อโรคในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จะมีความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ / พ.ร.บ.ควบคุมโรคฯ และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยตำรวจจะไม่สกัดกั้นการจัดกิจกรรมคาร์ม็อบ หากไม่มีการกระทำที่เสี่ยงต่ออันตราย หรือก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนทั่วไป
ส่วนการชุมนุมเมื่อวันที่ 9 กันยายน บริเวณแยกดินแดง ยังพบมีการก่อความวุ่นวาย ขว้างปาระเบิดปิงปอง ประทัดยักษ์ พลุเพลิง และวางเพลิงจุดต่างๆ ซึ่งตำรวจจะรวบรวมหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีทุกคนต่อไป และจากการประเมินสถานการณ์ คาดว่า การชุมนุมบริเวณแยกดินแดง จะทรงตัวต่อไปอีกระยะ หลังพบแนวโน้มจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมลดลง เพราะประชาชนส่วนใหญ่ รวมถึงประชาชนในพื้นที่ ไม่เห็นด้วยกับการก่อความวุ่นวายดังกล่าว
ขณะที่ ภาพรวมการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุม ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 จนถึงปัจจุบัน รวมทั้งสิ้น 199 คดี มีผู้ต้องหาทั้งหมด 701 คน ติดตามจับกุมตัวได้แล้ว 456 คน ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ออกหมายเรียกกลุ่มผู้ชุมนุมอีกจำนวน 107 หมาย เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า มีตำรวจขับรถกระบะ ชนกลุ่มผู้ชุนนุม แล้วลงมาทำร้ายซ้ำ จนทำให้บุคคลดังกล่าวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงคือ หนึ่งในผู้ชุมนุมได้หลบหนีระหว่างการเข้าจับกุมของเจ้าหน้าที่ แล้วหกล้มได้รับบาดเจ็บ โดยไม่ได้เสียชีวิต ขณะนี้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ และมีอาการดีขึ้นตามลำดับ แต่กลับพบว่า มีการนำข้อมูลไปบิดเบือน สร้างความเข้าใจผิดต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ซึ่งทั้งผู้ที่โพสต์และแชร์ข้อความดังกล่าว จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
ด้าน พันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีมีภาพคนขับรถแท็กซี่ ขนยางรถยนต์มาสนับสนุนก่อความวุ่นวายบริเวณแยกดินแดงนั้น ขณะนี้ตำรวจพิสูจน์ทราบตัวบุคคลได้แล้ว ซึ่งจะมีการติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป เช่นเดียวกับผู้ส่งเสริม สนับสนุน หรือยุยงปลุกปั่น ให้มีการชุมนุม หรือ ก่อความวุ่นวายในพื้นที่ดังกล่าวจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย