“สอบสวนกลาง” Lockdown the Cat ปิดประตูข้ามแดน สกัด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก่อนหลบหนี

"สอบสวนกลาง" Lockdown the Cat ปิดประตูข้ามแดน สกัด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก่อนหลบหนี

สอบสวนกลาง” Lockdown the Cat ปิดประตูข้ามแดน สกัด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก่อนหลบหนี

เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกันเข้าตรวจค้น และจับกุมบุคคลตามหมายจับ ซึ่งเป็นขบวนการลักลอบขนทีมงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ข้ามพรมแดนธรรมชาติ บริเวณ อ.อรัญประเทศ ประกอบด้วย

1. Mr. Zheng ฯ อายุ 31 ปี สัญชาติจีน ในความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามา และอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย” และตรวจสอบพบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับของตำรวจสากล (Red Notice) ในความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ความเสียหายกว่า 40 ล้านหยวน

สอบสวนกลาง

 

ข่าวที่น่าสนใจ

2. ร.ต.ท.อังคะ ฯ (นอกราชการ) อายุ 70 ปี

3. นายดาเล็ก อายุ 35 ปี สัญชาติกัมพูชา

4. นายซุ่น อายุ 31 ปี สัญชาติกัมพูชา

ผู้ต้องหาที่ 2-4 ตามหมายจับของศาลจังหวัดสระแก้ว ที่ 58-60/2567 ลงวันที่ 18 เม.ย. 2567 ในความผิดฐาน “ร่วมกันนำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรหรือกระทำการด้วยประการใดๆ อันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืน กฎหมาย” สามารถจับกุม ผู้ต้องหาที่ 1 ทางหลวงหมายเลข 33 อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว , ผู้ต้องหาที่ 2-4 ตลาดโรงเกลือ ต.คลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

 

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากศูนย์ AOC: Anti Online Scam Operation Center กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (กก.3 บก.ปอท.) ได้ทำการสืบสวนเกี่ยวกับการเปิดบัญชีธนาคารเพื่อนำไปใช้ในการกระทำความผิดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยพบว่ามีนายหน้าเข้าไปติดต่อให้กับประชาชนในเขตพื้นที่ อ.เขาฉกรรจ์, อ.วัฒนานคร, อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว และในพื้นที่ใกล้เคียง ให้เปิดบัญชีธนาคารแบบออนไลน์และเดินทางข้ามชายแดนไทยกัมพูชา เพื่อไปทำหน้าที่สแกนหน้ารับเงิน เมื่อมีเงินจากผู้เสียหายโอนเข้ามาที่บัญชีม้าและทำรายการโอนเงินให้กับเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์

จากการสืบสวนพบว่า บุคคลที่ถูกว่าจ้างให้ไปเปิดบัญชีม้าเหล่านี้ จะเดินทางไปออกไปจากประเทศไทย ด้วยเส้นทางธรรมชาติบริเวณตลาดผลไม้ (ภายในพื้นที่ตลาดโรงเกลือ) ต.คลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และยังพบว่าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มีการเดินทางออกไป เฉลี่ยวันละ 60-70 คน โดยมีนายทุนชาวกัมพูชาชื่อ “ดาใหญ่” เป็นผู้เก็บเงิน ครั้งละ 3,000 บาทต่อคนต่อครั้ง นอกจากนี้ตรวจสอบพบอีกว่า เส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางเดียวกันกับที่ชาวจีน ซึ่งเป็นเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้ในการหลบหนีเข้ามาในประเทศไทยอีกด้วย

 

 

 

จากข้อมูลทั้งหมดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. สืบสวนมาโดยตลอด จึงได้เฝ้าติดตาม สังเกตเรื่อยมา กระทั่งพบว่า เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2567 พบว่ามีกลุ่มชาวจีน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้เดินทางลักลอบเข้ามาในอาณาจักรไทยผ่านเส้นทางดังกล่าวจริง จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงสกัดจับบนถนนทางหลวงหมายเลข 33 พบ Mr. Zheng ฯ อายุ 31 ปี สัญชาติจีน ขณะกำลังนั่งรถรับจ้างจะเดินทางเข้าไปในเขตกรุงเทพฯ เพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศลาว และจากการตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจีนพบว่า เป็นบุคคลที่มีการออกหมายจับของตำรวจสากล (Red Notice Interpol) และรัฐบาลจีนต้องการนำตัวกลับไปดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งในส่วนนั้นมีผู้เสียหายจำนวน 121 ราย คิดเป็นความเสียหายกว่า 40 ล้านหยวน โดย Mr. Zheng ฯ ผู้ต้องหารายนี้ มีหน้าที่ในการการวางแผนทางการเงินของเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การจัดการองค์กรและการฟอกเงิน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้นำตัวส่ง สภ.เมืองสระแก้ว ดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง และผลักดันตัวคนร้ายเพื่อไปดำเนินคดีต่อในประเทศจีน

ทั้งนี้จากการสืบสวนขยายผลพบอีกว่า การที่จะผ่านเส้นทางธรรมชาติเข้ามาในราชอาณาจักรไทยนั้น จะต้องมีการชำระเงินให้กับกลุ่มนายทุนชาวกัมพูชาครั้งละ 3,000 บาทต่อคน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการสืบสวนเส้นทางการเงินจนกระทั่งพบว่า มีผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นชาวกัมพูชา จำนวน 3 คน ได้แก่ นายดาใหญ่ (กัมพูชา) , นายดาเล็ก (กัมพูชา) , นายซุ่ย (กัมพูชา) และชาวไทยอีก 1 คน คือ ร.ต.ท.อังคะ ฯ (นอกราชการ) เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ยื่นคำร้องขอหมายจับต่อศาลจังหวัดสระแก้ว ในข้อหา “ร่วมกันนำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรหรือกระทำการด้วยประการใดๆ อันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ก่อนจะยื่นคำร้องขอหมายค้นต่อศาลจังหวัดสระแก้ว เข้าทำการตรวจค้น และทำการจับกุมนายดาเล็ก ฯ , นายซุ่ย และ ร.ต.ท.อังคะ ฯ ผู้ต้องหาทั้ง 3 รายไว้ได้ ก่อนนำตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. ดำเนินการตามกฎหมาย ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามตัวนายดาใหญ่ (ชาวกัมพูชา) ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี เพื่อมาดำเนินคดีต่อไป

สอบถามคำให้การเบื้องต้น Mr. Zheng ฯ (ผู้ต้องหาชาวจีน) ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ส่วนนายดาเล็ก (กัมพูชา) , นายซุ่ย (กัมพูชา) และ ร.ต.ท.อังคะ ฯ (นอกราชการ) รับสารภาพว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับจริง แต่ปฏิเสธไม่ให้การใดๆช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท.ชัยณรงค์ จอมเล็ก สว.กก.3 บก.ปอท.โทรศัพท์ 063-9954569 , พ.ต.ท.ณรงฤทธิ์ พุ่มพวง สว. กก.3 บก.ปอท. โทรศัพท์ 090-9855532

สำหรับการดำเนินการของศูนย์ AOC กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นั้น ได้มีการดำเนินการในทุกมิติ โดยมีการประสานกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น Facebook, Line, Tiktok และอื่นๆ เพื่อปิดกั้นช่องทางของคนร้ายในการหลอกลวงผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย โดยได้ดำเนินการปิดกั้น URL ที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การแอบอ้างเป็นผู้มีเชื่อเสียง หน่วยงานรัฐ, องค์กรเอกชน หรือ แม้กระทั่งแอบอ้างเป็นหน่วยงานที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง เพื่อหวังข้อมูลหรือทรัพย์สินของประชาชน ตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย.2566-ปัจจุบัน ศูนย์ AOC กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) มีการปิดกั้นลิงก์รวมแล้วจำนวนกว่า 4,995 URL

 

 

นอกจากนี้ยังมีการประสานงานร่วมกับการธนาคารพาณิชย์หลายแห่ง เพื่ออายัดบัญชีที่คนร้ายใช้หลอกลวงผู้เสียหาย ซึ่งธนาคารกรุงไทยโดย คุณพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข ประธานผู้บริหาร Legal Compliance & Financial Crime ได้นำแคชเชียร์เช็คมอบให้กับทางศูนย์ AOC เพื่อนำเงินคืนให้กับผู้เสียหายในคดีต่อไป

นอกจากนี้ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ก็ได้มีการดำเนินการเชิงรุกโดยเป็นตัวกลางในการรับเบาะแสจากประชาชนเพื่อนำมาประสานกับหน่วยงานรัฐ และเอกชนเจ้าของแพลตฟอร์มต่างๆ โดยการเปิดช่องทางรับแจ้งเบาะแสของมิจฉาชีพออนไลน์รูปแบบต่างๆ โดยให้ประชาชนช่วยแจ้งเบาะแสเข้ามาผ่านเว็บไซต์ https://www.cib.go.th/e-service โดยแบ่งการรับแจ้งเบาะแสเป็น 2 รูปแบบ ดังนี้

1.รับแจ้งเบาะแส “ถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง เป็นบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น”

2.รับแจ้งเบาะแส “SMS หลอกลวง”

ซึ่งข้อมูลที่ประชาชนแจ้งเข้ามาตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จะนำไปประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปิดกั้นช่องทางหลอกลวงของมิจฉาชีพ รวมถึงเป็นข้อมูลในการสืบสวน วิเคราะห์ข้อมูลและขยายผลเพื่อนำไปสู่การจับกุมขบวนการมิจฉาชีพในอนาคต และเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สามารถช่วยลดความเสียหายจากมิจฉาชีพออนไลน์ลงได้

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สลด กระบะชนจยย.พลิกคว่ำตก "ดอยโป่งแยง" เชียงใหม่ เจ็บตายรวม 13 ราย
“สมศักดิ์” ยกนวดไทยเป็นมรดกชาติ สร้างมูลค่าเศรษฐกิจสุขภาพ เล็งพาหมอนวดโกอินเตอร์ โชว์ฝีมืองาน เวิลด์เอ็กซ์โปโอซาก้า ญี่ปุ่น
ห่ามาแล้ว! “แม่สอด” พบติดเชื้ออหิวาต์ เผยญาติฝั่งพม่าซื้อข้าวมากินด้วยกัน
ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ สั่งตั้งคกก.สอบ "ตร.จราจร" รีดเงินแทนเขียนใบสั่ง
สตม. บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลางคอนโดหรูห้วยขวาง รวบ 6 คนจีน อึ้งเจอซิมการ์ด 2 แสนซิม
ครูบาอริยชาติ เชิญชวนพุทธศาสนิกชน ฉลองสมโภช 18 ปีวัดแสงแก้วโพธิญาณ และทำบุญฉลองอายุวัฒนมงคล 44 ปี
กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา "ชวาล" ส.ส.พรรคประชาชน ยื่นบัญชีใช้จ่ายเท็จ โทษคุก-ตัดสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี
จีนเตือนสหรัฐกำลังเล่นกับไฟหลังส่งอาวุธให้ไต้หวัน
อิลอน มัสก์วิจารณ์แรงผู้นำเยอรมันเหตุโจมตีตลาดคริสต์มาส
ซาอุฯเคยเตือนเยอรมนีเรื่องคนร้ายโจมตีตลาดคริสต์มาส

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น