“ปานปรีย์” ลาออกสายฟ้าแล่บ คนทำงานถวายหัว “หมอชลน่าน” โดนเท ตบโบนัส “รมต.สายล่อฟ้า” ท้าทายนายใหญ่เอาอยู่ไหมสยบคลื่นใต้น้ำ “พท.”

ไขปมลาออก “ปานปรีย์” กล้าตัดสินใจหักดิบนายใหญ่ได้ลงคอ

เหมือนถูกหยามใช่หรือไม่ จึงเป็นเหตุให้ “ปานปรีย์ พหิทธานุกร ” นักการเมืองอีโก้สูงผู้ดีตระกูลเก่าแก่ครอบครัวเป็นถึงอดีตข้าราชการระดับสูงในกระทรวงบัวแก้ว คุณปู่ คือ พระพหิทธานุกร เคยเป็นถึงปลัดกระทรวงและเอกอัครราชทูตไทยในหลายประเทศทั่วโลก แม้แต่พ่อของ “ปานปรีย์” เคยทำงานในตำแหน่งใหญ่โตในกระทรวงต่างประเทศเช่นกัน จึงไม่น่าประหลาดใจ หากเจ้าตัวจะไม่พอใจที่ถูกยึดคืนอำนาจตำแหน่งรองนายกฯ ไปอยู่ใต้อาณัติของ “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกฯควบกระทรวงการคลัง จึงอาจรับไม่ได้ จากที่เคยนั่งหัวโต๊ะบัญชาการแต่เพียงผู้เดียว ต้องถอยฉากไปนั่งข้าง ๆ รอรับคำสั่งรองนายกฯคนใหม่

ยิ่งทำเนียมปฏิบัติในการวางผังอำนาจทุกรัฐบาลที่ผ่านมา เช่น สมัย “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา วางตัว “ดอน ปรมัตถ์วินัย” นั่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศควบรองนายกฯ ไปปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศเปรียบเสมือนนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 เพราะเวลาไปเจรจาความเมืองจะสามารถใช้อำนาจตำแหน่งรองนายกฯทุบโต๊ะตัดสินใจได้เด็ดขาด ไม่ต้องยกหูโทรศัทพ์ทางไกลมาถาม รองนายกฯ ที่เป็นเจ้านายอยู่ที่เมืองไทยให้เสียเวลา ผิดกับยุค รัฐบาลทักษิณ แต่งตั้ง “กันตธีร์ ศุภมงคล” หรือ “ปรีชา เลาหพงศ์ชนะ” นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเพียงเก้าอี้เดียวไม่ให้ควบรองนายกฯ ในทางการเมืองจึงมองได้ว่า นายใหญ่เพื่อไทย ออกใบสั่งใช่หรือไม่

หากส่องโปรไฟล์ “ปานปรีย์” ยิ่งไม่ธรรมดา ถึงว่าทำไมกล้าตัดสินใจหักดิบนายใหญ่ได้ลงคอ เพราะเป็นถึงหลานเขยของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เคยมีบทบาทสูงใน “พรรคชาติพัฒนา ” แว่วว่าเป็นสายตรงนายหญิง “พจมาน ณ ป้อมเพชร” ตั้งแต่ยุคก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ดังนั้นใครกันแน่ระหว่าง นายกฯ หรือ ซูเปอร์นายกฯ ริบเก้าอี้รองนายกฯ บีบ “ปานปรีย์” ตัดสินใจพลีชีพลาออกฟ้าผ่า

“พิชิต” ขึ้นแท่นรมต.ทำภารกิจพิเศษพา “นายหญิงแดนไกล” กลับบ้าน

อีก 1 รัฐมนตรีที่ต้องกล่าวถึง แต่คนนี้สมหวังไม่ได้ผิดหวังซดแห้วเหมือน “หมอชลน่าน” หรือ ต้องตีจากไปอย่างเจ็บช้ำอย่าง “ปานปรีย์” นั้นคือ “พิชิต ชื่นบาน” ทนายคู่บุญตระกูลชินวัตรได้ตบรางวัลก้อนโตเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในทางการเมืองมองได้ว่า น่าจะได้รับมอบหมายให้มาทำภารกิจพิเศษ แอ่นอกรับกระสุนแทน “นายหญิงในต่างแดน” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เตรียมแพ็คกระเป๋ากลับบ้านมาทำบุญช่วงสงกรานต์กับนายใหญ่เพื่อไทยในปีหน้า

ยังไม่ทันได้ปั้มผลงานโบว์แดงให้เตะตานายใหญ่สมกับรางวัลที่มอบให้ ก็โดนรับน้องเข้าแล้ว คู่ปรับเก่าที่ไม่กินเส้นกับนายใหญ่เพื่อไทย อาทิ กลุ่ม “วิรังรอง ทัพพะรังสี” ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศ หรือ “วัชระ เพชรทอง” อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ดาหน้ากันออกมาร้องยี้รับไม่ได้ประวัติด่างพร้อยจากคดีอื้อฉาวกรณีหิ้วถุงขนมใส่เงินสด 2 ล้านบาท ไปมอบให้เจ้าหน้าที่ธุรการศาล ระหว่างการพิจารณาคดีที่ดินรัชดาฯ จนถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุก ฐานละเมิดอำนาจศาลสถานหนัก 6 เดือน ไม่รอลงอาญา หลังจากนั้นสภาทนายความก็มีมติให้ลงโทษหนักสุด ลบชื่อออกจากทะเบียนผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะทนายความได้จนถึงปัจจุบัน

อาฟเตอร์ช็อกปรับครม.เศรษฐา 1/1 ยังไม่ได้ทันได้ออกตัวทำงานก็เกิดปัญหาสะดุดเข้าแล้ว คำถามคือ นายกฯ จะรับมืออย่างไรกับเหล่ากองเชียร์ด้อมแดงที่อารมณ์เสียหงุดหงิดรับไม่ได้กับผลตอบแทนต่อคนทำงานถวายหัวนายใหญ่แต่สุดท้ายโดนเท , คาใจแท้จริงนักการเมืองอีโก้สูงอย่าง “ปานปรีย์” ลาออกสายฟ้าแล่บทันทีหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯไปด้วยเหตุใดกันแน่ หรือ การตั้งรัฐมนตรีสายล่อฟ้าเรียกแขกขนทัวร์มาลงขย่มภาพลักษณ์รัฐบาล ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องที่ท้าทายอำนาจและบารมีนายใหญ่เพื่อไทยในฐานะ “ซูเปอร์นายกฯ” จะเอาอยู่หรือไม่