เว็บไซด์แอกซิออส สื่อข่าวออนไลน์ของสหรัฐรายงานโดยอ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่อิสราเอล ที่ไม่เปิดเผยชื่อ 2 รายว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล ได้มีการร้องขอประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ ในช่วงที่ต่อสายคุยกัน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ให้ใช้อิทธิพลของสหรัฐ แทรกแซงและป้องกันไม่ให้ศาลอาญาระหว่างประเทศ (หรือ ICC) ออกหมายจับทั้งต่อตนเอง และต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิสราเอล ในเรื่องอาชญากรรมสงครามในฉนวนกาซา
อย่างไรก็ดี ทางด้านของโฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ ได้ออกมาปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับการต่อสายหากันของทั้ง 2 แต่ชี้ให้เห็นจุดยืนของสหรัฐที่ระบุว่า เขตอำนาจศาลของ ICC ไม่สามารถครอบคลุมไปถึงสถานการณ์ในปาเลสไตน์ได้ และสหรัฐก็ไม่ได้สนับสนุนการสอบสวนแต่อย่างใด นอกจากนี้ในช่วงก่อนหน้า นางลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์ ผู้แทนถาวรสหรัฐประจำสหประชาชาติ ก็ได้เคยกล่าวไว้ว่า สหรัฐจะไม่แทรกแซงการดำเนินงานของ ICC และไม่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใดๆด้วย
ขณะเดียวกัน ทางด้านของเนทันยาฮู ก็ได้ออกแถลงการณ์ถึงเรื่องนี้ว่า 80 ปี หลังจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ องค์กรระหว่างประเทศที่ได้รับการจัดตั้งขึ้น เพื่อป้องกันการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อีกครั้ง กำลังพิจารณาที่จะปฏิเสธสิทธิของรัฐยิว ในการปกป้องตนเองจากผู้ที่เข้ามาก่อการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ต่อเรา ช่างเป็นเรื่องไร้สาระ ช่างเป็นการบิดเบือนความยุติธรรมและประวัติศาสตร์ หากศาลออกหมายจับในข้อหาก่ออาชญากรรมสงคราม มันจะเป็นเรื่องอื้อฉาวในระดับประวัติศาสตร์ การเคลื่อนไหวนี้ จะถือเป็นรอยเปื้อนที่ลบไม่ออกต่อมวลมนุษยชาติ และเป็นอาชญากรรมจากความเกลียดชัง ต่อต้านชาวยิว อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เนทันยาฮูกล่าวต่อว่า ICC พยายามทำให้ผู้นำทางการเมืองและการทหารของอิสราเอลเป็นอัมพาต แต่จะไม่มีการตัดสินใจใดๆ ทั้งในกรุงเฮกหรือที่อื่นๆ ที่จะส่งผลเสียต่อความมุ่งมั่นของเรา ในการบรรลุเป้าหมายทั้งหมดของสงคราม ไม่ว่าจะเป็นการนำตัวประกันกลับบ้าน, การถอดกลุ่มฮามาสออกจากอำนาจ และรับรองว่าไม่มีภัยคุกคามเหลืออยู่ในฉนวนกาซา, รวมถึงการรักษาเสถียรภาพชายแดนทางตอนเหนือของอิสราเอล
ทั้งนี้ เนทันยาฮูได้ทิ้งท้ายในคำแถลง ด้วยการเรียกร้องให้ผู้นำโลก ออกมาต่อต้านแผนการออกหมายจับ และเตือนว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าว ไม่เพียงแต่จะส่งผลเสียต่อสิทธิในการป้องกันตนเองของอิสราเอลเท่านั้น แต่จะยังส่งผลเสียต่อประชาธิปไตยทั้งหมดบนโลกด้วย