หลังจากที่ทางมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ได้แจ้งให้นักศึกษาที่เคลื่อนไหวสนับสนุนปาเลสไตน์ ต้องถูกพักการเรียน และสถานะนักศึกษาก็ถูกระงับ รวมถึงการที่ทางมหาวิทยาลัยล้มเหลวในการเจรจากับผู้ประท้วง ให้รื้อถอนเต็นท์ออกจากมหาวิทยาลัย ล่าสุด ผู้ประท้วงได้เข้าไปในแฮมิลตัน ฮอลล์ อาคารสไตล์นีโอคลาสสิกอายุ 118 ปี ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการประท้วงในมหาวิทยาลัย มาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960 และได้ทำการยึดอาคาร พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น “ฮินด์ ฮอลล์” เพื่อเป็นเกียรติแก่ฮินด์ ราจาบ เด็กหญิงชาวปาเลสไตน์ผู้พลีชีพวัย 6 ขวบ ที่ถูกสังหารด้วยน้ำมือของกองกำลังอิสราเอล ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ทั้งนี้ การดำเนินการในอาคาร ใช้เวลาไปประมาณ 20 นาที
ด้านผู้ประท้วงที่อยู่ในส่วนข้างนอกของอาคารหลายร้อยคนนั้น ได้ช่วยกันปิดกั้นประตูด้วยโต๊ะและพยายามสร้างเครื่องกีดขวางที่ด้านหน้าของตึก ซึ่งก็มีผู้ประท้วงหลายคน สวมหมวกกันน็อค แว่นตานิรภัย ถุงมือ และหน้ากาก ยืนปิดอยู่ที่ทางเข้าด้วย จากนั้นไม่กี่นาที หลังจากที่ผู้ประท้วงเข้าไปในอาคาร ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนครนิวยอร์กก็มาถึง และอยู่นอกประตูมหาวิทยาลัย ซึ่งตำรวจก็ได้บอกว่า พวกเขาจะเข้าไปในบริเวณมหาวิทยาลัย ก็ต่อเมื่อมีผู้ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น
ทั้งนี้ ผู้ประท้วงกล่าวว่า พวกเขาวางแผนที่จะอยู่ที่ห้องโถงจนกว่ามหาวิทยาลัยจะตกลงที่จะปฏิบัติตามข้อเรียกร้อง 3 ประการได้แก่ การเลิกลงทุนในอิสราเอล, การแสดงความโปร่งใสในด้านการเงินของมหาวิทยาลัย, และการนิรโทษกรรมสำหรับนักศึกษาและเหล่าอาจารย์ ที่ถูกลงโทษทางวินัย จากการมีส่วนร่วมในการประท้วง อย่างไรก็ดี ทางสำนักงานกิจการสาธารณะของโคลัมเบีย ก็ออกแถลงการณ์ระบุว่า นักศึกษาที่เข้ายึดอาคารนี้ ต้องเผชิญกับการถูกไล่ออก ผู้ประท้วงได้รับโอกาสที่จะออกไปอย่างสันติแล้ว แต่กลับเลือกปฏิเสธ และกำลังทำให้สถานการณ์บานปลาย
ขณะที่ทางด้านของนายจอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนมองว่า การเข้ายึดอาคารในมหาวิทยาลัย เป็นแนวทางที่ผิดอย่างยิ่ง นั่นไม่ใช่ตัวอย่างของการประท้วงอย่างสันติ คำพูดแสดงความเกลียดชังและสัญลักษณ์แสดงความเกลียดชัง ไม่ได้มีในประเทศนี้ นักศึกษาส่วนน้อย ไม่ควรจะไปขัดขวางการศึกษาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ของนักศึกษาส่วนที่เหลือ และนักศึกษาที่จ่ายเงินเพื่อเข้าไปเรียนและต้องการการศึกษา ก็ควรจะสามารถทำเช่นนั้นได้โดยไม่ต้องหยุดชะงัก
ด้านเดอะวอชิงตันโพสต์สื่อของสหรัฐก็รายงานว่า นักศึกษาชาวยิวก็กำลังฟ้องร้องมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เนื่องจากไม่สามารถให้ความคุ้มครองที่เพียงพอแก่นักศึกษาชาวยิวได้ ท่ามกลางการประท้วงต่อต้านอิสราเอลที่ปะทุขึ้นในมหาวิทยาลัย โดยการที่มหาวิทยาลัยตัดสินใจให้มีการเรียนทางออนไลน์ สำหรับนักศึกษาที่รู้สึกไม่ปลอดภัย ทำให้เกิดประสบการณ์การศึกษาที่แตกต่างกันมาก สำหรับนักศึกษาชาวยิวและที่ไม่ใช่ชาวยิว นอกจากนี้ นักศึกษาชาวยิวยังกล่าวหาด้วยว่า ผู้ประท้วงยุยงให้เกิดความรุนแรงต่อนักศึกษาชาวยิวอย่างเปิดเผย ทำให้พวกเขาไม่สามารถมีส่วนร่วมในการพูดได้อย่างเสรี ทั้งที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ
เกือบ 2 สัปดาห์ของการประท้วงต่อต้านสงครามของอิสราเอล ได้แพร่กระจายความรุนแรงไปทั่วสถาบันอุดมศึกษาทั่วทั้งสหรัฐ ซึ่งบางครั้งก็กลายเป็นการต่อต้านชาวยิวและการข่มขู่นักศึกษาชาวยิว ขณะนี้ มีผู้ประท้วงถูกจับกุมไปแล้วประมาณ 900 คน