“โฆษกแรงงาน” ซัดเดือด สส.ก้าวไกล แขวะขึ้นค่าแรงฝันลมแล้ง ไล่ดูข้อกม. ยันปรับแน่ 400 บาท Top News รายงาน
ข่าวที่น่าสนใจ
1 พ.ค.2567 นายภูมิพัฒน์ เหมือนจันทร์ โฆษกกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงกรณีที่นายเซีย จำปาทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวพาดพิงนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ เรื่องการปรับค่าจ้างขั้นต่ำว่า นายเซียต้องไปศึกษาให้ดีว่าประเทศไทยใช้กฎหมายอะไรในการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เพราะการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการค่าจ้าง ซึ่งเป็นองค์กรไตรภาคีตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ที่ประกอบด้วย ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง และผู้แทนฝ่ายรัฐบาล ซึ่งเป็นข้าราชการประจำ
ดังนั้นฝ่ายการเมืองหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จึงไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายหรือทำอะไรได้ตามอำเภอใจ อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นค่าจ้างถือเป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาล กระทรวงแรงงานจึงได้รับนโยบายมาปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และมีหน้าที่อธิบายถึงเหตุความจำเป็นให้คณะกรรมการค่าจ้างเข้าใจในจุดนี้ เพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น ดังนั้นการให้อำนาจคณะกรรมการไตรภาคีพิจารณานั้นเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ใช่การโยนบาป เพราะหากไม่ทำตามกฎหมายเชื่อว่านายเซียก็คงหาเหตุมาโจมตีอีก ว่าฝ่ายการเมืองเข้าไปล้วงลูกหรือแทรกแซงทำให้คณะกรรมการไม่มีอิสระ เช่นนี้กระทรวงแรงงานก็ตกเป็นจำเลยของสังคมทั้งขึ้นทั้งล่อง จึงขอความเป็นธรรมด้วย
โฆษกกระทรวงแรงงาน กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาเราประกาศปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพียงปีละ 1 ครั้ง แต่จากนี้นายพิพัฒน์ประกาศแล้วว่าสามารถประกาศได้มากกว่านั้นตามสถานการณ์และปัจจัยต่าง ๆ โดยขอให้นายเซียรู้จักใจเย็น และอย่านำพี่น้องแรงงานมาอ้างเพื่อเรียกคะแนนให้ตัวเองหรือสร้างความขัดแย้ง เพราะคนเหล่านี้เข้าใจดีถึงหลักกฎหมายอยู่แล้ว
อีกทั้งความจริงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำนั้นจะถูกกำหนดโดยคำนึงถึงหลักเกณฑ์ตามกฎหมายเพื่อนำมาประกอบกัน เช่น อัตราค่าจ้างปัจจุบัน ดัชนีค่าครองชีพ อัตราเงินเฟ้อ ต้นทุนการผลิต ราคาสินค้า และสภาพเศรษฐกิจสังคม โดยกระทรวงแรงงานมีเป้าหมายปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท ให้ครอบคลุมทั่วประเทศภายในปีนี้ และจะปรับขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ซึ่งนายพิพัฒน์ได้รับฟังเสียงสะท้อนจากทุกฝ่ายทั้งลูกจ้างและนายจ้างบนพื้นฐานของเหตุและผลที่ปฏิบัติได้จริง และประโยชน์ของทุกฝ่าย รวมทั้งเปิดโอกาสให้แต่ละฝ่ายได้ปรับตัวด้วย จึงไม่อยากให้นายเซียใช้ข้อมูลของตัวเองมาตีกินเพียงฝ่ายเดียว และควรทำตัวแบบเย็นให้พอรอให้ได้ คอยดูผลลัพธ์ปลายทางจะดีกว่า ส่วนการออกมาเดินขบวนสังคมนิยมแรงงาน ผนึกกำลังทางชนชั้น เพื่อเสนอข้อเรียกร้องในวันแรงงานนั้นถือเป็นสิทธิที่ทุกคนสามารถทำได้ และเป็นเรื่องที่คนกลุ่มนี้ถนัดอยู่แล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น