“ทนายอนันต์ชัย” พร้อมบวก ไล่ตะเพิด “แก๊งเชื่อมจิต” ลั่นดูถูกชาวพุทธ ไปตั้งลัทธิใหม่ Top News รายงาน
ข่าวที่น่าสนใจ
กรณีเมื่อช่วงเช้าวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา นายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความครอบครัวของน้องไนซ์ เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล โดยอ้างว่าสื่อสารมวลชน ได้เผยแพร่ภาพถ่ายของน้องไนซ์ และนำเสนอเนื้อหาอันเป็นเท็จ จนเป็นเหตุให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์กล่าวหาน้องไนซ์ และครอบครัว ซึ่งเป็นการทำให้สังคมเข้าใจผิด และขอให้มีการตรวจสอบ ควบคุมสื่อ ในการนำเสนอข่าวน้องไนซ์ ในเชิงบิดเบือน ทำให้ถูกเกลียดชัง
ล่าสุดนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความชื่อดัง ได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับลัทธิเชื่อมจิต บางช่วงบางตอนระบุว่า เจ้าลัทธิเชื่อมจิต จะอ้างตนเป็นพระพุทธเจ้า การที่ทนายท่านหนึ่ง ร้องนายกฯ ให้ปฏิรูปสื่อสารมวลชน และให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งว่า “คำสอนของเด็กชาย 8 ขวบ รู้ด้วยตัวเอง ไม่มีใครสอน สอนพ่อแม่ด้วย สอนแอดมินด้วย…..” คำสอนดังกล่าว โดยเฉพาะการเชื่อมจิต เป็นสัทธรรมปฏิรูป หรือ ธรรมปลอมๆ ครับ สัทธรรมปฏิรูป หมายถึง สัทธรรมเทียม หรือธรรมปลอม คือ การบิดเบือนหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า โดยตั้งตนเป็นลัทธิใหม่ แต่ใช้หลักคำสอนของพุทธศาสนาผสมผสานกับความคิดความเชื่อของตน จนเกิดหลักคำสอนใหม่ขึ้น ซึ่งขัดแย้งจากหลักพระธรรมวินัย ที่อ้างอิงกับพระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ ของพุทธศาสนาเถรวาทในประเทศไทย
สัทธรรมปฏิรูป กสูตร ที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก เล่มที่ 16 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 8 สังยุตตนิกาย นิทานวรรค กล่าวถึงพระพุทธเจ้า ที่ตรัสตอบพระมหากัสสปะ ถึงพระสัทธรรมคำสอนของพระองค์ ที่เลือนหายไป เมื่อหมู่สัตว์เลวลง พระสัทธรรมกำลังเลือนหายไป ภิกษุที่ตั้งอยู่ในพระอรหัต ผลน้อยเข้า แต่สัทธรรมปฏิรูปจะยังไม่เกิดขึ้นในโลกตราบเท่าที่พระสัทธรรมยังไม่เลือนหายไป และหากสัทธรรมปฏิรูปเกิดขึ้นในโลกเมื่อใด เมื่อนั้นพระสัทธรรมก็จะเลือนหายไป “..ทองเทียมยังไม่เกิดขึ้นในโลก ตราบใดตราบนั้นทองคำธรรมชาติก็ยังไม่หายไป และเมื่อทองเทียมเกิดขึ้น ทองคำธรรมชาติจึงหายไปฉันใด พระสัทธรรมก็ฉันนั้น
สาเหตุของการเกิดสัทธรรมปฏิรูป มาจากเหตุผล 2 ประการคือ
๑) เกิดจากโมฆบุรุษที่โง่เขลา หรือคนที่ไม่มีประโยชน์ ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น คนพวกนี้เข้าไปอยู่ในที่ไหน ย่อมทำให้หมู่คณะนั้นเสื่อม
๒) เกิดจากพุทธบริษัท 4 ไม่เคารพยำเกรง 5 ประการ คือ 1. ไม่เคารพยำเกรงในพระศาสดา 2. ไม่เคารพยำเกรงในพระธรรม 3. ไม่เคารพยำเกรงในพระสงฆ์ 4. ไม่เคารพยำเกรงในสิกขา 5. ไม่เคารพยำเกรงในสมาธิ
มีการยืนยันว่า “เด็กชาย 8 ขวบ รู้ด้วยตัวเอง ไม่มีใครสอน สอนธรรมด้วยความรู้ของตนเอง…” หมายถึง ท่านรับรองว่า “เด็กเป็นสยัมภู ซึ่งเป็นคุณลักษณะเฉพาะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระปัจเจกพุทธเจ้า” ใช่หรือไม่ ?
ฟังแบบนี้แล้วจะไปอย่างไรกันต่อครับ ตกลงจะให้น้องมีคุณวิเศษอะไรอีก ความบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ เป็นสิ่งเฉพาะตน ไม่มีใครจะทำให้ใครบริสุทธิ์ หรือเป็นผู้วิเศษได้หรอก หากไม่รู้ก็อย่าพูดไปเรื่อยเปื่อย ยิ่งพูดยิ่งเห็นชัดว่า คนพูดไม่รู้เรื่อง สงสารเด็กบ้างเถอะครับ อย่าพากันแถเอาสีข้างเข้าถู หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าสำคัญกว่าสิ่งใด ดังนั้น ชาวพุทธผู้ตื่นรู้ทั้งหลาย จะช่วยกันรักษาพระธรรม ดุจมนุษย์รักษาชีวิตตนเอง จะไม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้เด็ดขาด และขอย้ำว่า ชาวพุทธในปัจจุบัน เขามีความรู้มากกว่าที่พวกท่านประเมินนะครับ
มูลนิธิทนายกองทัพธรรม และพี่น้องชาวพุทธทุกภาคส่วน ที่ห่วงใยพุทธศาสนา จะติดตามดูเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด พวกท่านจะบิดเบือนพระไตรปิฎกแบบไหนอีก เราจะร่วมสร้างบรรทัดฐานใหม่ ของการปกป้องธำรงรักษาพระพุทธศาสนา มิให้บุคคลใด ๆ มาประพฤติตน กล่าวอ้าง กล่าวตู่พระพุทธเจ้า ย่ำยี เซาะกร่อนบ่อนทำลายพระธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตามใจชอบได้อีก ไม่ว่าจะเป็นใคร
ถ้าหากอยากจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ ก็ไม่ต้องใช้พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ต้องอ้างว่า เป็นบุตรพระพุทธเจ้า เป็นอนาคามี เป็นพญานาคจุติลงมาเกิดในโลกมนุษย์แล้วสอนธรรม แต่สอนแบบผิด ๆ ตั้งลัทธิใหม่เลยครับ ลัทธิเชื่อมจิต และตั้งตัวเองเป็น เจ้าลัทธิเชื่อมจิต จะได้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ใหม่สมใจ รับรองไม่มีใครว่าแน่นอนครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น