ข่าวที่น่าสนใจ
ดูหนังตัวอย่าง “ปานปรีย์ พหิทธานุกร” ที่เหมือนถูกบีบจากการถูกริบคืนเก้าอี้ “รองนายกฯ” ทำให้หมดใจลาออกไปเอง หรือ เพราะอีโก้สูงยึดติดเก้าอี้ไม่พอใจที่ถูกหั่นอำนาจจาก “รองนายกฯ” มาเป็นแค่ รัฐมนตรีเจ้ากระทรวง จึงน้อยใจขอลาออก ยังตีความกันวุ่นว่าแท้จริงสาเหตุใด เพราะทั้งเจ้าตัว นายใหญ่เพื่อไทย กับ “ปานปรีย์” ไม่ได้ไขข้อกังขานี้
แต่ทีเห็นชัดเจนแจ่มแจ้ง 2 เก้าอี้ 2 ส.อดีตแกนนำ “ก๊วนสามมิตร” เก้าอี้แข็งปั้ก! ทำให้ สส.ลูกหม้อพรรคเพื่อไทยทำงานพลีกายถวายหัวให้นายใหญ่และพรรคเพื่อไทย ถึงกับตาร้อนผ่าว!
เพราะหากย้อนอดีตเส้นทางการเมือง “สมศักดิ์ เทพสุทิน” นักการเมืองเก๋าเกมเขี้ยวลากดินเป็นสส.มากี่สมัย ผ่านนายกรัฐมนตรีมากี่คนไม่เคยพลาดสักครั้งที่จะไม่ได้เป็นรัฐมนตรี 40 กว่าปีที่โลดเล่นในสังเวียนการเมือง “สมศักดิ์ เทพสุทิน” พูดออกมาเองว่า ไม่เคยอยู่ฝ่ายค้านสักครั้งเดียว โดยอ้างว่า ทำงานการเมืองสายกลางร่วมงานได้กับทุกฝ่าย อีกนัยหนึ่ง คือ เปลี่ยนสีเก่งใช่หรือไม่ จึงได้เป็นรัฐมนตรีถึง 14 ครั้ง ไม่ว่าขั้วใดขึ้นมาเป็นรัฐบาลมีชื่อ “สมศักดิ์” ติดโผครม.ทุกครั้งไป
“สมศักดิ์” นับว่าเป็นนักการเมืองที่เก่งแทงม้าถูกตัว อย่างช่วงที่ตีจากนายใหญ่เพื่อไทย ปี 2562 มาซบอก 3 ป.เกาะกระแสเลือกความสงบจบที่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ช่วงที่ “พรรคพลังประชารัฐ” จัดตั้งรัฐบาล ยุค 3 ป.เรืองอำนาจพีคสุด จนถึงจุดเปลี่ยนเลือกตั้ง ปี 2566 ตีจาก “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กลับรังเก่า “พรรคเพื่อไทย” โดยอ้างว่า “มีข้อมูลใหม่” มั่นใจว่า พรรคเพื่อไทย ได้เป็นรัฐบาลชัวร์ เป็นจริงตามที่ “สมศักดิ์” ทำนายเลือกข้างถูก ว่า “บิ๊กตู่” ไม่ได้ไปต่อนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 3
มาทรงเดียวกันกับ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ไม่เคยพลาดเก้าอี้กระทรวงเกรด A แม้แต่ครั้งเดียว นับตั้งแต่ลงสนามการเมืองทำงานข้างกาย นายใหญ่เพื่อไทยเมื่อปี 2544 ก่อนตีจากนายใหญ่ไปหลังเกิดรัฐประหาร ปี 2557 “บิ๊กตู่” โค่นอำนาจรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีน้องสาว “ทักษิณ” ย้ายไปอยู่ข้างฝ่ายผู้อำนาจในช่วงนั้น “สุริยะ” พาคู่หู “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ไปตั้ง “กลุ่มสามมิตร” ร่วมกับ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ” อดีตกุนซือเศรษฐกิจนายใหญ่เพื่อไทย สร้างอำนาจบารมีในพรรคพลังประชารัฐได้ครองเก้าอี้รัฐมนตรีสำคัญในรัฐบาล
จนถึงทาง 2 แพร่งทางการเมืองมีการเลือกตั้ง ปี 2566 “บิ๊กตู่” แยกตัวจาก “ลุงป้อม” มาก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ ทำให้ “กลุ่ม3มิตร” ล่มสลาย ส่วนหนึ่งจงรักภักดีตาม “บิ๊กตู่” ไปพรรคใหม่ นั้นคือ “อนุชา นาคาศัย” และ “ธนกร วังบุญคงชนะ” ขณะที่ 2 ส.“สมศักดิ์”และ “สุริยะ” โบกมือลา “ลุงป้อม” ย้ายกลับรังเก่าที่จากมาเพื่อไปช่วยนายใหญ่เพื่อไทย สานฝันแลนด์สไลด์ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว
ก่อนตีจาก “ลุงป้อม” ในนาทีสุดท้ายก่อนจะลงสมัครเป็น สส.บัญชีรายชื่ออันดับต้น ๆ ของพรรคเพื่อไทย ปาดหน้าลูกหม้อพรรคไปหลายคน และเป็นไปตามคาด “พรรคเพื่อไทย” ไม่ได้แลนด์สไลด์อย่างที่วาดฝัน ต้องรอให้ “พรรคก้าวไกล” ที่ได้สส.มาอันดับ 1 ฟอร์มรัฐบาลก่อน แต่สุดท้าย “พรรคก้าวไกล” ไปไม่รอด จัดตั้งรัฐบาลแดงส้มไม่ได้ จึงตกมาอยู่ในมือ พรรคเพื่อไทย จัดตั้งรัฐบาลสลายขั้วสำเร็จ คลอดโผ ครม.เศรษฐา 1 “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ได้เป็นรัฐมนตรีคุมกระทรวงเกรด A ตามเคย จนล่าสุดครม.เศรษฐา 1/1 ได้เป็นถึง รองนายกฯ ควบกระทรวงคมนาคมได้คุม “อภิมหาโปรเจ็กต์” เม็ดเงินลงทุนนับล้านล้านบาทไว้ในกำมือ
หากจำกันได้ ช่วง “สุริยะ” เปลี่ยนสีเสื้อจาก “พลังประชารัฐ” มาเป็น “เพื่อไทย” ไม่พลาดต้องประจบบ้านหลังใหม่ “สุริยะ”ทิ้งบอมบ์ใส่ “บิ๊กตู่” ถล่มยับว่าตลอด 8 ปีที่ผ่านมา โครงสร้างเศรษฐกิจพังทลายโดยเฉพาะ 4 ปีแรกหลังรัฐประหาร ปี 2557 แนวทางเล่นการเมืองแบบจิ้งจกเปลี่ยนสีของทั้ง 2 ส. ยังเป็นแผลเป็นฝังใจลูกหม้อเพื่อไทยและคนเสื้อแดงบางกลุ่มที่รับไม่ได้ แต่ด้วยความที่ทั้งสองเป็นสายตรงกับเจ้าของพรรคตัวจริงจึงไม่มีใครกล้าหือ!
พิจารณาได้จากคำพูดของ “ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม” สส.เพื่อไทยรุ่นเดอะ ชื่นชมสปิริต “หมอชลน่าน ศรีแก้ว” ที่ถูกปรับออกแต่ไม่ร้องโวยวายสักแอะ นับเป็นนักการเมืองมืออาชีพ เพราะรู้อยู่แก่ใจดีว่า เก้าอี้รัฐมนตรี เปรียบเหมือนเก้าอี้ดนตรี หรือ สมบัติผลัดกันชม แต่เหตุผลลึก ๆ นายใหญ่เพื่อไทย ปรับออกไปด้วยสาเหตุใด ทำงานไม่เตะตา หรือ ทำงานไม่ถูกใจ อันนี้ตอบยาก
เช่นเดียวกับเก้าอี้ตัวใหญ่เบ้อเริ่มของ “สมศักดิ์” ที่ลุกจากรองนายกฯขาลอย ไปเสียบแทน “หมอชลน่าน ศรีแก้ว” ลูกหม้อพรรคเพื่อไทย ขวัญใจคนเสื้อแดงต้องตกเก้าอี้ คาดเดากันว่า นายใหญ่ ประเคนเก้าอี้ “กระทรวงหมอ” เพื่อให้นักการเมืองเก๋าเกมเขี้ยวลากดินอย่าง “สมศักดิ์” ไปกำราบบิ๊กข้าราชการกระทรวงเสื้อกราวน์ที่หัวแข็งไม่สนองนโยบายสำคัญ ๆ ของรัฐบาล หรือ อาจเข้าไปจัดตั้ง “หัวคะแนนการเมืองท้องถิ่น” ผ่านกลไกล อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน หรือ อสม. และ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.สต. เครื่องมือสำคัญในยุค “อนุทิน ชาญวีรกูล” เคยนั่งเป็นเจ้ากระทรวงหมอ วางฐานเสียงให้พรรคภูมิใจไทยในหลาย ๆ จังหวัด ถึงขนาดเจาะฐานเสียง พรรคเพื่อไทย ในบางจังหวัดได้สำเร็จ โดยเฉพาะในภาคอีสานกล่องดวงใจพรรคเพื่อไทย
จะด้วยเหตุใดที่นายใหญ่เลือกใช้งานและมอบภารกิจใดให้ 2ส.นั่งเก้าอี้กระทรวงระดับดับเบิ้ลเกรด A ได้ทำให้ลูกหม้อ “พรรคเพื่อไทย” ตาร้อนผ่าวบางคนทำงานถวายหัวแต่ดันตกเก้าอี้ ต้องเก็บกดอาการเจ็บช้ำไว้ข้างในแต่ไม่กล้าหือนายใหญ่เท่านั้นเอง!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
