ความจริงอันแน่นอนคือ อ.สุลักษณ์ยังอ่านมาไม่พอ ศึกษามาไม่พอ แต่ก็บังอาจวิจารณ์โดยรู้ไม่จริง
อ.สุลักษณ์ สมควรไปทำการบ้าน อ่านหนังสือให้มากกว่านี้ก่อนจะมากล่าวหาลอยๆ ไร้หลักฐาน ว่าในหลวงรัชกาลที่ 7 ไม่เคยทรงอ่านงานของคอมมิวนิสต์ คนที่อ่านมาไม่พอแน่ๆ คือตัวอาจารย์สุลักษณ์เองนะครับ
ถ้าอาจารย์สุลักษณ์เหงา อยากหาเพื่อนทำการบ้านอ่านหนังสือ ผมขอแนะนำให้อาจารย์สุลักษณ์ไปทำการบ้าน และอ่านหนังสือเป็นเพื่อนกับน้องรุ้ง ปณัสยา ก็ได้นะครับ จะได้มีกัลยาณมิตรผู้มีภูมิธรรมภูมิรู้เสมอเสมือนเท่าเทียมกัน ร่วมอ่านร่วมศึกษาไปด้วยกัน
ก่อนหน้านั้น เพจเฟซบุ๊ก “ปราชญ์ สามสี” โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า หลังจากได้มีโอกาสฟังเทปอาจารย์ศิวรักษ์คุยกับอาจารย์ไชยันต์เรื่องภาพยนตร์ 2475 นั้นข้าพเจ้าขอยอมรับว่า…
ต้องขออนุญาตกินยาลดความดันเสียหน่อยครับเพราะว่าจากที่ได้ฟังว่าทางศิวรักษ์ ไม่เชื่อว่ารัชกาลที่ 7 เป็นผู้เขียนหนังสือปกขาวรวมถึงที่ว่าพระองค์ท่านไม่เคยอ่านหนังสือของ สตาลิน..
อาจารย์สุลักษณ์ใช้หลัก”ผมไม่เคยเห็น” “ผมไม่เคยอ่านหนังสือเล่มนั้น” ” ผมจึงไม่เชื่อ”
ซึ่งวิธีการเหล่านี้ไม่ใช่วิธีการของนักประวัติศาสตร์
จะใช้หลักคำว่าผมเชื่อว่าจึงเป็นหลักของประวัติศาสตร์นั้นไม่ได้อีกเช่นกัน!!!!
ยิ่งตั้งตนเป็นนักประวัติศาสตร์ระดับนักปราชญ์แห่งยุค ….(เขาเรียกตัวเองว่าปัญญาชนสยาม) แต่กลับไม่เคยอ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องกับพระราชดำริของรัชกาลที่ 7 นับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องตลกดีครับ
เรื่องสมุดปกขาวนั้นจะต้องเท้าความของการกำเนิดของสมุดปกเหลืองเสียก่อน
โดยเฉพาะสมุดปกเหลืองที่อาจารย์ปรีดีได้พูดเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจที่อ้างอิงแนวคิดแบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ซึ่งพระยามโนปกรณ์นิติธาดาซึ่งเป็นนายกฯ ในเวลานั้นเล็งเห็นแล้วว่าวิธีการนี้อาจจะไม่เหมาะสมจึงได้หารือปรึกษากับรัชกาลที่ 7 จนออกเป็นหนังสือปกขาวขึ้นเพื่อท้วงติงการบริหารการจัดการของอาจารย์ปรีดีว่าไม่เหมาะสมกับประเทศสยามของเรา
เหตุการณ์นั้นส่งผลทำให้เกิดความขัดแย้งภายในสภาทำให้พระยามโนปกรณ์ที่ป็นนายกฯจำเป็นที่จะต้องปิดสภาและบังคับใช้กฎหมายบางมาตราเพื่อรักษาความสงบในเวลานั้นสุดท้ายแล้วก็โดนรัฐประหารกันอยู่ดี
โดยฝ่ายพระยาพหลซึ่งสนับสนุนอาจารย์ปรีดีเป็นผู้ก่อรัฐประหาร…
การที่ศิวรักษ์ไม่เชื่อว่ารัชกาลที่ 7 จะเขียนเอกสารนี้และพยายามทำให้เข้าใจว่า เป็นการกระทำของพระยามโน โดยจินตนาการเอาเองว่าพระยามโนน่าไม่พอใจ ปรีดี จึงแต่งเรื่องขึ้นเรื่องนี้ไม่มีทั้งหลักฐานและไม่เคยปรากฏในพงศาวดารใดๆเลยครับ
แล้วถ้าพูดกันตามข้อเท็จจริงแล้วการออกเอกสาร ภายใต้พระปรมาภิไธยนั้นไม่สามารถทำแทนกันได้ ถ้าแอบทำป่านนี้โดนกฎหมายตัดหัว ติดเกาะตะรุเตากันไปนานแล้วครับ
ดังนั้นรัชกาลที่ 7 จึงเป็นผู้เขียนสิ่งนี้อีกทั้งเรื่องนี้ยังสอดคล้องกับบันทึกส่วนพระองค์ที่ถูกเขียนขึ้น 6 หน้า ที่เกี่ยวข้องสละราชสมบัติด้วยนะครับ
ในแถลงการสละราชสมบัติของรัชกาลที่ 7 ก็พูดชัดเจน โดยเฉพาะใน “หน้าสาม” ก็ระบุถึงรัฐบาลที่มีความพยายาม เปลี่ยนเปลงเศรษฐกิจ นำไปสู่ความขัดแย้ง ทางการเมือง…ซึ่งเป็นเรื่องที่พระองค์ไม่โปรดเช่นกัน!!!
ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่สมุดปกขาวจะไม่ใช่เอกสารมาจากรัชกาลที่ 7 เพราะรัชกาลที่ 7 ก็ชี้ชัดเจนในสำนวนเดียวกันในเรื่องความบาดหมางของคณะราษฎรที่มีต่อปวงชนชาวไทย