“พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ปากร้ายใจดี ไม่มีเรื่องทุจริตคดโกง
และเมื่อพูดถึงการร่วมงาน “ลุงตู่” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ได้มีโอกาสติดตามการทำงาน เดินทางไปประชุมสถานที่ต่างๆ รวมถึงการลงพื้นที่ พบปะชาวบ้าน ใช้เวลานาน 1-2 ชั่วโมง “ลุงตู่” ทำงานลงรายละเอียดงานแบบถี่ยิบ เนื่องจากเป็นสไตล์ข้าราชการ จะไล่จี้ติดตามงานแต่ละขั้นตอนด้วยตัวเอง มีความเข้มข้นเรื่องงาน ส่วนการลงพื้นที่พบปะชาวบ้านจะให้ความสำคัญในการพูดคุย หยุดคุยจุดละไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง แถมพูดจบ ยังเดินถาม ทักทาย ถ่ายรูป คุยกับ ชาวบ้านที่มารอต้อนรับมาฟัง ตั้งแต่แถวแรกจนแถวสุดท้าย ซึ่งต้องยอมรับว่า นักข่าวเขียนข่าวยาวมาก ในแต่ละจุดของการลงพื้นที่ของนายกลุงตู่
ทีม ” ลุงตู่” ไม่มีการตั้งขบวนรถผู้สื่อข่าวติดตามไป เนื่องจากความเป็นทหาร และมาจากรัฐประหาร ลุงตู่ เข้มเรื่องความปลอดภัย สื่อทุกสำนักต้องไปรอที่หมายงานตามที่แจ้งไว้เลย ไม่มีการตามขบวนรถเหมือนสมัยยิ่งลักษณ์ ส่วนวิธีการสัมภาษณ์ ก่อนสัมภาษณ์ จะมี เสธคนสนิท มาสอบถามประเด็นคำถามก่อน แต่ไม่มีขอว่า “ห้ามถามเรื่องนั้นเรื่องนี้” ถามหน้างานสดๆ ลุงตู่ตอบหมด “สไตล์นายกลุงตู่” เป็นทหารมีความเข้ม ดุ แต่มักจะแกล้งดุ ตอบยียวนหยอกสื่อ ถ้าใครไม่รู้จักลุงตู่ ก็คิดว่า ดุเกินไปไม่มีเหตุผล ซึ่งจริงๆ นายกลุงตู่เป็นคนปากร้ายใจดี เมตตาคน ไม่มีเรื่องทุจริตคดโกง
แต่การประสานงานสื่อ ระหว่างทีมงานนายกฯจะใช้ผ่านสำนักโฆษกสำนักนายกฯเป็นหลัก การดูแลอำนวยความสะดวกสื่อ มีไม่มากเท่ารัฐบาลที่มาจาก พรรคการเมืองอาชีพเรียกว่า ตามสภาพ ทีม รปภ. – สห. มักกันสื่อไม่ให้เข้าใกล้นายกฯมากไป
“เศรษฐา ทวีสิน” ทำงานหนัก เสาร์- อาทิตย์ ก็ทำ ไม่ค่อยเข้าถึงชาวบ้าน
ในขณะที่ “เศรษฐา ทวีสิน” ถือว่าเป็นนายกรัฐมนตรี ที่มีความเป็นผู้บริหารสูงมาก มีความเก่งด้านเศรษฐกิจ ทำงานเร็ว ทำงานเยอะหลายงานต่อวัน และทำคาบเกี่ยว “วันหยุดเสาร์-อาทิตย์” ไม่ค่อยพัก สไตล์ที่มองเห็น มีความมั่นใจเป็นตัวของตัวเองสูง ส่วนงานการเมืองยังถือว่าใหม่ มีการปรับการทำงานมาหลายรอบ การประสานงานกับสื่อ ส่วนใหญ่จะมีที่ปรึกษาและคณะทำงานใกล้ชิด มาประสาน โดยใช้ทีมงานเดียวกันกับ “ยิ่งลักษณ์” แต่จะมีคนสนิทของ “เศรษฐา” เอง และทีมสนิทของอุ๊งอิ๊ง มาช่วยประกบ
ต้องยอมรับว่า การประชุมตามงานในยุครัฐบาล “เศรษฐา” ใช้เวลาสั้นมาก 30 นาที ถือว่านานสุด ต่อ 1 งาน ส่วนใหญ่ “เศรษฐา” จะมีธงคำสั่งในใจ มาก่อนแล้ว ส่วนเรื่องของการลงพื้นที่ ลงหลายจุดมากต่อวัน บางครั้งเดินทางไป 7 จุดในวันเดียว แต่ละจุดที่ลงไป ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที 15-20 นาที มากสุด 30 นาที ทำให้หลายจังหวัดชาวบ้านมารอครึ่งค่อนวันแต่พบนายก 10 นาที จึงเป็นที่พูดคุยกันในวงสื่อมวลชนว่า นายกนิด “นิด” สมชื่อ ใช้เวลานิดเดียว ไม่ค่อยจับไมค์พูดกับชาวบ้าน ไม่ค่อยเดินคุยทักทายชาวบ้านเท่าที่ควร ทำให้ชาวบ้านบ่นหลายพื้นที่ว่า นายกฯมาแล้วเหรอ เพราะยังไม่ได้สัมผัสตัวจริงแบบใกล้ชิด
การทำงานประสานสื่อมวลชนของ “เศรษฐา” จะเลือกคุยผ่านสื่อบางคน บางกลุ่มที่สนิท ประสานงานไม่ค่อยทั่วถึงนัก แต่การดูแลอำนวยความสะดวกสื่อทำได้ดี เพราะใช้ทีมงานเดิมทีมเดียวกันกับ “ยิ่งลักษณ์” ก่อนสัมภาษณ์ จะมีการสกรีนคำถาม หากถามเกินจากที่แจ้งประเด็นไป บางครั้ง “เศรษฐา” ก็ตอบ แต่ส่วนใหญ่ ทำยิ้มๆเฉยๆ ไม่ตอบ และสไตล์การตอบยังบ่งบอกถึงความเป็นนักธุรกิจ ไม่ใช่นักการเมือง แต่ก็จัดว่าเป็นนายกรัฐมนตรี ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจทำเพื่อประโยชน์สุขของคนในชาติ
และเมื่อถามว่า นายกฯทั้ง 3 คน ที่เอ่ยมา รู้สึกชอบหรือประทับใจใครมากสุด “หมวย” ตอบเราว่า ชอบ “นายกลุงตู่” เพราะเป็นทหารที่มีความ จงรักภักดี ซื่อสัตย์ บริหารเข้าใจราชการแผ่นดิน ได้ใจประชาชนเพราะลงไปสัมผัสคนจริงๆ สร้างผลงานไว้เยอะ ส่วนการทำงาน กว่า 20 ปี ในแวดวงการเมือง หมวยยังไม่มีนักการเมืองในดวงใจแม้แต่คนเดียว
“หมวย” ทิ้งท้ายกับบทสัมภาษณ์ครั้งนี้ไว้ว่า “สื่อมวลชน” คือ ตัวแทนประชาชน เป็นปากเป็นเสียงให้ชาวบ้านที่เดือดร้อนและตรวจสอบรัฐบาล ตรวจสอบนายกฯ และหน่วยงานต่างๆ ถ้ามีสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล ไม่ถูกต้อง เป็นผลร้ายต่อประเทศชาติ ส่วนนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ก็พร้อมจะขยายและเป็นกระบอกเสียงให้ภาครัฐ … “หมวย” บอกกับเราด้วยว่า เธอเป็นสื่อมวลชน ที่มีหัวใจที่จงรักภักดีต่อชาติ และ สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นสำคัญ
สุดท้ายนี้ “หมวย” ฝากติดตามรายการ “Hot seats เก้าอี้นี้มีคำตอบ” รายการที่จะพาไปพูดคุยกับบุคคลทางการเมืองทั้งในอดีตและปัจจุบันทุกพรรคการเมือง ถามตรงประเด็นในทุกเรื่องที่ทุกคนอยากรู้ โดยที่แขกรับเชิญทุกท่านก็พร้อมตอบทุกข้อซักถามอย่างตรงไปตรงมา รอชมได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 08.55 – 09.40 น. นับว่าเป็นอีก 1 โอกาส ที่เธอได้รับบทบาทพิธีกร ด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำให้ดีที่สุด และน้อมรับทุกคำติชม เพื่อไปพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งๆขึ้นไป