เจ้าหน้าที่กู้ภัยบราซิลเร่งทำงานอย่างหนัก น้ำท่วมร้ายแรงทางใต้ ทำเมืองจมบาดาล ขณะยอดผู้เสียชีวิต พุ่งเป็น 78 คน คาดจะยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
จากฝนตกหนักที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นสัปดาห์ เจ้าหน้าที่ทางตอนใต้ของบราซิลเร่งแข่งกับเวลาเมื่อวานนี้ เพื่อช่วยเหลือผู้คนจากภัยพิบัติน้ำท่วมและโคลนถล่มที่รุนแรง ซึ่งรอยเตอร์รายงานโดยอ้างจากข้อมูลเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ล่าสุดมีผู้เสียชีวิต เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 78 คน และบีบให้ประชาชนมากกว่า 1 แสน 1 หมื่น 5 พันคน ต้องอพยพออกจากบ้านเรือน ขณะที่ยังมีรายงานผู้สูญหาย 105 คน
ทั่วทั้งเมืองปอร์ตูอาเลเกร เมืองหลวงของรัฐรีโอกรันดี โด ซุล ซึ่งหากมองจากทางอากาศจะเห็นว่า เมืองถูกท่วมมิดทั้งเมือง ประชาชนต่างหนีน้ำขึ้นไปอยู่บนหลังคาเพื่อขอความช่วยเหลือ ขณะเจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร เร่งเข้าถึงพื้นที่ประสบภัย ด้วยเรือแคนูและเรือเล็ก พายไปตามถนนที่กลายเป็นแม่น้ำ ส่วนสนามบินนานาชาติปอร์ตูอาเลเกรระงับเที่ยวบินทั้งหมดตั้งแต่วันศุกร์
แม่น้ำกวยบาที่ไหลผ่านเมืองแห่งนี้ ซึ่งมีประชากร 1.4 ล้านคน มีระดับน้ำสูงสุดถึง 5.3 เมตร ทำลายสถิติที่เคยท่วมสูงที่ 4.76 เมตร ในน้ำท่วมใหญ่ปี 2484 หรือเมื่อ 83 ปีที่แล้ว อีกทั้งมวลน้ำยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว ในปอร์ตูอาเลเกรและเมืองอื่นๆ หลายร้อยแห่ง เนื่องจากยังคงมีฝนตกเป็นระยะๆในเช้าวันอาทิตย์ และคาดว่าจะตกต่อไปอีกประมาณหนึ่งวัน
หน่วยงานป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนของบราซิลยังระบุเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า ผู้คนมากกว่า 4 แสนคนไม่มีไฟฟ้าใช้ ในขณะที่เกือบหนึ่งในสามของประชากรของรัฐไม่มีน้ำประปา และประชาชนกว่าล้านคนไม่สามารถเข้าถึงน้ำดื่ม
ด้านประธานาธิบดีลุยซ์ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา เดินทางถึงเมืองรีโอกรันเด โด ซุล เมื่อเช้าวันอาทิตย์ พร้อมกับคณะรัฐมนตรี เพื่อหารือเกี่ยวกับงานกู้ภัยและการฟื้นฟูบูรณะกับหน่วยงานท้องถิ่น ซึ่งนายเอดูอาร์โด ไลเต ผู้ว่าการรัฐรีโอกรันเด โด ซุล กล่าวว่ารัฐ ที่เคยรุ่งเรืองแห่งนี้ กำลังเจอกับสถานการณ์หนักเหมือนสงคราม และต้องใช้มาตรการสร้างเมืองขึ้นมาใหม่
สำหรับภัยพิบัติครั้งนี้ นักอุตุนิยมวิทยากล่าวว่า เป็นผลมาจากภาวะโลกร้อนและปรากฏการณ์เอลนิโญ ทำให้บราซิล ประเทศที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกาใต้ ประสบกับเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วหลายครั้งเมื่อเร็วๆ นี้ รวมถึงพายุไซโคลนในเดือนกันยายนที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 31 คน