ทำเนียบขาวของสหรัฐ ออกแถลงเกี่ยวกับการต่อสายพูดคุยกันของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ และนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลว่า เนทันยาฮูตกลงที่จะรับประกันการเปิดจุดข้ามเคเรม ชาลอม เพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสำหรับผู้คนในกาซาแล้ว ทั้งนี้ จุดข้ามแดนดังกล่าวถูกปิดในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อตอบสนองต่อการโจมตีของฮามาส ที่ยิงจรวดเข้ามา จนทำให้มีทหารอิสราเอลเสียชีวิต 3 นาย
ทำเนียบขาวยังระบุต่อด้วยว่า ไบเดนได้ย้ำจุดยืนที่ชัดเจนเกี่ยวกับราฟาห์ ซึ่งก็คืออิสราเอลไม่ควรดำเนินการตามแผนการบุกรุก เว้นแต่จะแสดงวิธีปกป้องพลเรือนชาวปาเลสไตน์หลายแสนคนที่นั่น ทั้งนี้ ฝ่ายบริหารของไบเดนกำลังผลักดันทางเลือกอื่นนอกเหนือจากการรุกรานราฟาห์ ไม่ว่าจะเป็นการเสริมกำลังบริเวณชายแดนฉนวนกาซาติดกับอียิปต์ และการปฏิบัติการที่มุ่งเป้าหมายมากขึ้นเพื่อต่อต้านผู้นำของฮามาส แต่ทางอิสราเอลก็ย้ำว่า กองพันฮามาสที่ปฏิบัติการอยู่ 4 กองพันในเมืองนี้ จะต้องถูกรื้อถอน เพื่อให้แน่ใจว่ากลุ่มก่อการร้ายจะไม่สามารถคุกคามอิสราเอลได้อีกต่อไป
ขณะเดียวกัน ทางด้านของนายแมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ก็ได้ออกมากล่าวว่า สหรัฐจะไม่สนับสนุนการโจมตีราฟาห์ เนื่องจากยังไม่เห็นแผนที่น่าเชื่อถือและนำไปปฏิบัติได้ เพื่อปกป้องชาวปาเลสไตน์มากกว่า 1 ล้านคนที่อาศัยอยู่ที่นั่น โจมตีดังกล่าวจะเพิ่มความทุกข์ทรมานให้ชาวปาเลสไตน์อย่างมาก นำไปสู่การสูญเสียชีวิตพลเรือนเพิ่มมากขึ้น และจะขัดขวางการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ปัญหาตอนนี้คือ มีสถานที่ที่จำกัดสำหรับพลเรือน และยังไม่มีวิธีที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ในการแจกจ่ายความช่วยเหลือให้พวกเขาได้
ด้านนายโยอาฟ แกลแลนท์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลก็ได้ออกมาเปิดเผยกับครอบครัวตัวประกัน ถึงสาเหตุของการเตรียมรุกราฟาห์ว่า เรามุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายของสงคราม แต่การที่ฮามาสปฏิเสธแผนการใดๆ ที่จะทำให้ตัวประกันกลับมาได้ บีบให้เราเริ่มปฏิบัติการในราฟาห์ และแม้หลังจากการเริ่มปฏิบัติการในราฟาห์แล้ว ความพยายามทั้งหมดในการนำตัวประกันกลับบ้านจะดำเนินต่อไป
ทั้งนี้ หลังจากที่ทางอิสราเอลได้ออกคำสั่งอพยพชาวปาเลสไตน์นับแสนคน ออกจากพื้นที่ทางตะวันออกของราฟาห์ ก็ได้ทำหลายฝ่ายส่งคนเตือนถึงสัญญาณการบุกรุกของอิสราเอล เช่นทางฮามาสได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า การโจมตีใดๆ ในราฟาห์ จะไม่ถือเป็นการเดินเล่นในสวนสาธารณะสำหรับกองกำลังอิสราเอล พวกเขาพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะปกป้องชาวปาเลสไตน์ที่นั่น ปฏิบัติการทางทหารใดๆ ในราฟาห์จะทำให้การเจรจาตกอยู่ในอันตราย ซึ่งเนทันยาฮูและรัฐบาลอิสราเอล จะต้องรับผิดชอบอย่างหนักในเรื่องนี้