“พิชิต” ยกมือไหว้ ขอโอกาสทำงานเพื่อประชาชน กร้าว ถ้าผมเป็นคนไม่ดีไม่มีโอกาสยืนจุดนี้ เชื่อ ฟื้นชีวิตศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ได้ใน 30 วัน ไม่หวั่น ถูกรุมทึ้งคดีเก่าๆ ปล่อยให้เป็นเรื่องของกฎหมาย
ข่าวที่น่าสนใจ
7 พ.ค.2567 เมื่อเวลา 13.20 น. ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดใจต่อสื่อมวลชนหลังเข้ารับตำแหน่ง ว่า ครม. มีมติให้ตนดูแลเรื่องกฎหมายที่จะนำเสนอนายกฯ ก่อนสู่ที่ประชุม ครม. และให้ตนรับผิดชอบดูแลงาน สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักงานราชบัณฑิตยสภา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นี่คืองานที่ตนต้องปฎิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด ยืนยันว่า ผมรักประเทศไม่น้อยกว่าคนอื่น จะปฏิบัติหน้าที่ให้บรรลุเป้าหมาย
“ก่อนเข้ารับหน้าที่ ตนได้ทำงานเป็นที่ปรึกษานายกฯ มา 6-7 ผมไม่ใช่คนใหม่ที่ทำเนียบ อยู่ในการประชุม ครม. ทุกครั้ง ไม่ขาดแม้แต่นัดเดียว รวมทั้ง ครม.สัญจรจังหวัดต่างๆ ผมไม่ต้องเรียนรู้เรื่องงานอะไร ขอให้สบายใจ ผมไม่เคยมีปัญหาอะไร อยู่ด้วยความสงบเรียบร้อย ตั้งหน้าตั้งตาทำงานให้เกิดประสิทธิภาพ วันนี้เปลี่ยนมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีสำนักนายกฯ ก็ยังอยู่ห้องเดิม ทำงานไม่เคยหยุด แม้ผมไม่ใช่นักกฏหมายแพ่ง-อาญา แต่รู้เรื่องรัฐธรรมนูญ กฎหมายพรรคการเมืองต่างๆ กรอบงานของผมอยู่ในเรื่องของกฎหมาย”
นายพิชิต เผยอีกว่า ต่อไปนี้ผมจะขึ้นตึกบัญชาการ 1 ประตูกลาง มีอะไรคุยกันแบบพี่น้องได้ ทำอะไรที่สื่อสารแล้วเป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน ผมพูดจากใจไม่มีสคริปต์
ส่วนการ Kick off วันแรก ในฐานะที่ดูแลสำนักนายกรัฐมนตรี จะคืนชีพ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 จะเริ่มทำงานภายใน 30 วัน พลิกฟื้นศูนย์นี้ภายใต้โครงการทำเนียบช่วยได้ เป็นที่พึ่งของประชาชน รับแจ้งเบาะแสอาชญากรรมทุกประเภท
เมื่อถามว่า ตอนทำงาน 6 เดือน ได้ขอความกรุณาจากรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องหรือไม่ นายพิชิต กล่าวว่า คุยหมดแล้ว สามารถสตาร์ทเครื่องได้เลย เพราะรู้นโยบายรัฐบาลและรู้ว่านายกฯ มีข้อสั่งการอะไรบ้างในการประชุม ครม. “ผมเป็นมือไม้ของนายกฯ จะเอาข้อสั่งการของนายกฯ มาทำเป็นทำเนียบช่วยได้ สร้างกระบวนการการมีส่วนร่วมภาคประชาชน ภายใน 30 วันจะต้องทำให้เป็นรูปธรรม”
ส่วนการดูแลสำนักพุทธฯนั้น เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่ผ่านมามีหลายปัญหาในพุทธศาสนา ต้องจัดทำความเข้าใจกับสำนักงานพุทธ และพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ตนขอขอบคุณ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ที่ได้ประชุมการจัดงานสัปดาห์วิสาขบูชา และงานวิสาขบูชาโลก จะมีการประชุมวันที่ 9 พฤษภาคม ซึ่งงานนี้จะต้องยิ่งใหญ่ เพราะมีประมุขฝ่ายสงฆ์มากกว่า 90 ประเทศ มาร่วมงาน ทุกเรื่องอยู่ในหัวตนแล้ว ไม่ต้องศึกษางานอะไรใหม่ๆ
”ผมขอประกาศว่า พิชิตพร้อมก้าวหน้า พร้อมเดินหน้าทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน พิชิต ชื่นบาน รักประเทศชาติและประชาชนไม่น้อยกว่าคนอื่น ผมยืนยันว่าสิ่งที่ทุกฝ่ายตั้งข้อสงสัย ทุกคนมีอุบัติเหตุในชีวิตได้ 6-7 เดือนที่ผ่านมา พื้นที่ข่าวของตนมีมาก ตนอธิบายชัดเจนถ้าให้ความเป็นธรรมกับชีวิตผม ไปศึกษาเรื่องราวต่างๆ ให้ดีก็จะทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าผมเป็นคนไม่ดีอย่างที่มีการกล่าวหา คนชื่อ พิชิต ชื่นบาน จะไม่เดินเข้าทำเนียบ ผมมั่นใจว่าผมไม่ใช่คนผิด ไม่ได้เป็นคนชั่วร้าย ชีวิตผมยืนอยู่ได้ด้วยความรู้ความสามารถ ถ้าผมไม่มีความรู้ความสามารถไม่มีทางที่จะได้ยืนตรงนี้ ถ้ามาด้วยระบบเส้นสาย ตรงก็ไม่สามารถยืนตรงนี้ได้“
ทั้งนี้ นายพิชิต ได้ยกมือขึ้นไหว้และพูดว่า ขอโอกาสให้ผมได้ทำงาน ตัวผม ใจผม ไม่มีเรื่องการเมืองมีเพียงเรื่องงานอย่างเดียว เป็นมนุษย์ทำงาน เรื่องต่างๆ ตนเคารพสิทธิของฝ่ายที่ตั้งข้อสงสัย การเมืองภาคประชาชนต้องเคารพสิทธิด้วย เมื่อไปยื่นเรื่องข้อสงสัยเกี่ยวกับตนต่างๆ ขอให้รอฟังพินิจของแต่ละหน่วยงานว่าจะเป็นอย่างไร ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ภายใต้หน้าที่อำนาจของหน่วยงานต่างๆ เราต้องมองว่าการบริหารราชการแผ่นดิน ต้องอยู่ภายใต้หลักนิติธรรม ขอให้ทุกฝ่ายสบายใจ
เมื่อถามว่า ยังหวั่นไหวหรือไม่ ที่ยังมีคนคิดว่าได้เป็นรัฐมนตรีเพราะเป็นคนของ นายทักษิณ ชินวัตร และ นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายพิชิต ระบุว่า ตนได้ยืนหยัดในความรู้ความสามารถ ทุกคนมีสิทธิ คิดถ้าตนไม่มีความรู้ความสามารถ ไม่มีใครให้ตนมายืนตรงนี้ การบริหารราชการแผ่นดินไม่ใช่เรื่องเส้นสาย ไม่ใช่เรื่องเอาพวกพ้อง ถ้าไม่รู้เรื่องงานตนจะไม่รับตำแหน่ง
ส่วนมีความกังวลเรื่องคำร้องต่างๆ หรือไม่ ว่าจะเข้าตัวนายกฯ ที่มอบตำแหน่งให้ นายพิชิต กล่าวว่า ปล่อยให้หน่วยงานที่บังคับใช้ดุลย์พินิจ เราอยู่กับปัจจุบัน ทำหน้าที่ของเราให้ดี ถ้าไม่มั่นใจว่าจะทำหน้าที่ได้จะมายืนทำไม อีกทั้งการที่บอกว่าตัวเบาหวิว เพราะมั่นใจว่าเราตั้งใจทำงาน ไม่ได้เครียดอะไร
หากมองในมุมนักกฎหมายคนอื่นๆ ต่อคดีที่ถูกดำเนินอยู่นั้น ส่วนตัวคิดว่า ตนเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ต้องรอหน่วยงานต่างๆ วินิจฉัยเสร็จสิ้นก่อน หากคิดแบบเข้าข้างตัวเอง มองว่าถ้าเราไม่มีปัญญาอย่ามายืนอยู่ตรงนี้ เอาผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์
ส่วนข้อร้องเรียนต่าง ๆ จะสามารถยืนยันได้หรือไม่ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ นายพิชิต ย้ำว่า หากคุณคิดว่าคุณเป็นคนดี คนรอบข้างบอกว่าคุณเป็นคน อันนี้เป็นเรื่องนามธรรม รักใครชอบใครก็มีฝักมีฝ่าย ผมพิสูจน์จิตใจแล้ว แม้จะมีอะไรล่อตาล่อใจ ผมก็ไม่หวั่นไหว “ขอความเป็นธรรมว่านับแต่วันนี้ไป ขอให้ดูทุกการการทำงานของตน งานส่วนไหนที่ตนทำไม่ถูก สามารถคุยได้แบบพี่น้องกัน”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง