ผ่าสายตรง 3 ขุนพลยอมรับกระสุนแทนนาย "มาริษ"หนังหน้าไฟพานายหญิงต่างแดนกลับบ้าน "ภูมิธรรม" ล้างสต็อกข้าวเก่าเก็บ 10 ปี ล้างมลทินคดีจำนำข้าว "พิชัย" ต้องบากหน้าไปกล่อม "ผู้ว่าแบงก์ชาติ" ให้หายหัวแข็งทำนโยบายเรือธง "แจกเงินดิจิทัล" ให้แล่นฉิว
ข่าวที่น่าสนใจ
ต้องปิดจ็อบให้ได้! ล้างสต็อกข้าวเก่าเก็บ 10 ปี ล้างมลทินคดีจำนำข้าว
ขณะที่ขุนพลเบอร์ต้น ๆ ของพรรคเพื่อไทย เร่งลุยไฟสางปัญหาเผือกร้อนที่เคยเป็นแผลเก่าสมัยรัฐบาล “พรรคเพื่อไทย” เคยเป็นรัฐบาล เพราะปัจจุบันยังเป็นจุดอ่อนให้ฝ่ายแค้นหรือฝ่ายค้านใช้มาเป็นหอกทิ่มแทงถล่มรัฐบาลอยู่เนือง ๆ นั้นคือ ข้าวเก่าเก็บกว่า 10 ปี สมัยโครงการรับจำนำข้าวยุครัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่ขณะนี้หนีคดีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโครงการดังกล่าว คาดโทษสูงสุดติดคุก 5 ปี เป็นคดีเดียวที่เหลืออยู่เป็นมลทินให้การกลับมาของน้องสาวนายใหญ่แห่งพรรคเพื่อไทยต้องเป็นกังวลใจและเป็นภารกิจลำดับต้น ๆ ให้บรรดาขุนพลหัวหมู่ทะลวงฟันต้องไปจัดการขวากหนามเหล่านี้ให้หายไปให้ได้
ภารกิจโหดหินแบบนี้จึงต้องใช้มือดีทางการเมืองชั้นเซียนระดับ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีควบกระทรวงพาณิชย์เท่านั้นถึงสางปัญหาได้ เพราะเป็น เจ้ากระทรวงปัญหาเผือกร้อนโครงการจำนำข้าว เมื่อปี 2557 ต้องออกโรงเองเพื่อมาปิดจ็อบข้าวเก่าเก็บกว่า 10 ปี ที่มีอยู่ใน 2 โกงดังใหญ่ ชั่งกิโลรวมกันราว ๆ 1.4 แสนกระสอบ หรือ คิดเป็น 15,000 ตัน
“ภูมิธรรม” เจ้ากระทรวงพาณิชย์ เจ้าของเรื่องเตรียมประมูลเทขายราคาถูก ๆ คาดว่าจะได้เงินกลับมาเข้ากระเป๋ารัฐ 200 – 400 ล้านบาท ทำให้บรรดาคู่ปรับเก่าทางการเมืองนายใหญ่พรรคเพื่อไทย ต่างมองว่าเป็นการล้างมลทินให้นายหญิงที่อยู่แดนไกลไปโดยปริยายใช่หรือไม่ จึงกลายเป็นประเด็นเดือดเข้าทางฝ่ายค้านฝ่ายแค้นดาหน้ากันออกมาถล่มรัฐบาล ว่าแน่จริงถ้าไม่ใช่ข้าวเน่าทำไมไม่หุงให้ ครม.หม่ำทุกวันประชุมครม. ข้าวอายุนาน 10 ปี อยู่มาได้ขนาดนี้โดยไม่เน่ามีเพียงเหตุผลเดียว คือ รมยาสารเคมีเพื่อไม่ให้มอดปลวกหนูแทะกิน ใครจะไปเชื่อว่า ข้าวอายุ 10 ปี ถึงไม่เน่าแต่ใครจะกล้ากิน ล้างน้ำสักรอบถึงจะปลอดภัยและกินได้สบายใจ พร้อมกับท้าให้จัดอีเว้นท์โชว์ย้อนรอยเมื่อนายใหญ่เพื่อไทยเคยทำ นั้นคือ กินไก่โชว์ สยบความกลัวโรคระบาดไข้หวัดนก ยุครัฐบาลไทยรักไทยจัดอีเว้นท์ขึ้นบริเวณท้องสนามหลวง ในขณะนั้นได้นำคณะรัฐมนตรีและนักร้องนักแสดงชื่อดัง “เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์” ร่วมปรุงไข่พะโล้หม้อใหญ่ที่สุดในโลกกว่า 10,000 ฟอง นับเป็นอีเว้นท์ทางการเมืองที่อลังการ์ที่สุดงานหนึ่งที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
“รมต.” หนังหน้าไฟพานายหญิงต่างแดนกลับบ้าน
คนถัดมาที่ต้องคอยรับหน้าเสื่อแทนนาย อาจกล่าวได้ว่ารัฐมนตรีท่านนี้ เป็นรัฐมนตรีได้เพราะ ส้มหล่น ก็ไม่ผิดนัก นั้นคือ “มาริษ เสงี่ยมพงษ์” ได้ผงาดขึ้นแท่นเป็น “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ” แบบจับพลัดจับผลู หาก “ปานปรีย์ พหิทธานุกร” ไม่ใจเสาะลาออกไปเสียก่อน เพราะทนรับไม่ได้ที่ถูก “นายใหญ่” ลดเกรดริบคืนอำนาจเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี จึงทำให้รู้สึกว่า อยู่ไปก็ไลฟ์บอยย์ จึงชิงลาออกไปแบบสายฟ้าแล่บทิ้งบอมบ์ก่อนจากไป หวยจึงมาออกที่ “มาริษา เสงี่ยมพงษ์” ได้เป็นรัฐมนตรีเพียงชั่วข้ามคืน แต่อยู่ในเก้าอี้ตัวนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องทำงานสุดหินให้สำเร็จ นั้นคือ พานายหญิงคนแดนไกล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศกลับมาให้ได้ เพราะอย่าลืมว่าด่านแรกที่นายหญิงคนแดนไกล จะเหยียบแผ่นดินไทยได้ต้องผ่าน “กระทรวงการต่างประเทศ” ประสานให้เข้ามาก่อนเป็นอันดับแรก จะทำอย่างไรให้สามารถเดินตามรอย “ทักษิณโมเดล” ให้ได้
ภารกิจแรก!ต้องบากหน้าไปกล่อม “ผู้ว่าแบงก์ชาติ” ให้หายหัวแข็ง
อีกรัฐมนตรีที่แบกความหวังของรัฐบาลและนายใหญ่จนหลังแทบหัก แม้จะได้เป็น “ขุนคลัง1” ควบรองนายกรัฐมนตรีอำนาจเต็มมือก็ตาม นั้นคือ “พิชัย ชุณหวชิร” งานหนักไม่แพ้ใคร เพราะต้องพานโยบายเรือธง “แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1หมื่นบาท” ไปให้ถึงฝั่งฝัน ด่านแรก คือ ต้องไปเป่ากระหม่อม “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลิกทำตัวหัวแข็งเสียที เพราะยิ่งจะมีการนัดประชุมใหญ่บอร์ดแจกเงินดิจิทัล ที่มี “นายกฯเศรษฐา” นั่งหัวโต๊ะแล้ว “พิชัย” ต้องทำทุกอย่างให้ราบรื่น ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ไปงัดข้อกันต่อหน้าที่ประชุม ข่าวว่า “พิชัย ชุณหวชิร” จะบากหน้าบุกไปถึงรัง ผู้ว่าแบงก์ชาติเอง เพื่อกล่อมให้อยู่หมัด แต่ถ้าถึงที่สุดแล้วใช้ไม้อ่อนเอาไม่อยู่คงต้องใช้ไม้แข็ง ถึงเวลานั้นคงต้อง “ปลดผู้ว่าแบงก์ชาติ” ต้องวัดใจ ขุนคลัง 1 จะกล้าพอไหม
หากย้อยในอดีตอย่างเช่นในสมัยรัฐบาล พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ ยุคนั้นมี “ประมวล สภาวสุ” นั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สั่งปลดฟ้าผ่า “กำจร สถิรกุล” อดีตผู้ว่าการแบงก์ชาติในตอนนั้น เพราะมีปัญหาความขัดแย้งเรื่องอัตราดอกเบี้ยดังเช่นรัฐบาลชุดปัจจุบันเผชิญอยู่ ยุคนั้นอาจทำได้แต่ยุคปัจจุบัน มีกฎหมายค้ำคอรัฐบาลอยู่ ทำไปอาจเสี่ยงถูกกล่าวหาว่าฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซงแบงก์ชาติ ทำไม่ดีคนสั่งเด้งอาจเสี่ยงผิดกฎหมายขาแหย่คุกไปโดยไม่รู้ตัว
ทั้งหมดคือภารกิจสุดโหดที่ 3 ขุนพลรัฐบาลต้องแอ่นอกรับกระสุนแทนายใหญ่และนายหญิง กว่า “ภูมิธรรม เวชยชัย” , “มาริษ เสงี่ยมพงษ์” และ “พิชัย ชุณหวชิร” จะปิดจ็อบได้คงโดนถล่มยับ จะคุ้มหรือไม่ที่แอ่นอกรับกระสุนแทนนายไม่มีใครตอบได้ยกเว้นเจ้าตัวที่รู้ดีอยู่เต็มอก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง