ปรับผังอำนาจแบ่งงานรองนายกฯ "ภูมิธรรม" มือขวา "นายใหญ่" คุมกองทัพค้ำบัลลังก์รัฐบาล สกัดรัฐประหาร พา "นายหญิง" กลับบ้าน
ข่าวที่น่าสนใจ
“นายกฯ” คายอำนาจ “ภูมิธรรม” คุมกองทัพค้ำบัลลังก์รัฐบาลสกัดรัฐประหาร
นับจากนี้ไป “สุทิน คลังแสง” รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม จะมาขึ้นตรงกับ “รองภูมิธรรม” เพียงคนอย่างเดียว รวมถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพ อาทิ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.สูงสุด , พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.กองทัพบก , พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.กองทัพเรือ และ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.กองทัพอากาศ จากเดิมอำนาจบัญชาการเหล่าทัพอยู่ในกำมือ “นายกฯเศรษฐา” ดังนั้นจากนี้ไปจะไม่มีภาพหลุด เห็น “นายกฯเศรษฐา” เรียกผู้บัญชาการเหล่าทัพไปบรีฟงานสั่งการข้ามหัว “สุทิน คลังแสง” รัฐมนตรีเจ้ากระทรวง
“ภูมิธรรม” ถือเป็นรองนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 หรือ สร.2 ที่จะรักษาราชการแทนหาก “นายกรัฐมนตรี” ไม่อยู่ การแบ่งงานครั้งนี้ นับว่า “รองภูมิธรรม” อำนาจใหญ่คับฟ้าอย่างมาก นอกเหนือจากได้คุมกำลังพล 4 เหล่าทัพ ยังได้กำกับดูแลด้านความมั่นคง นั้นคือ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอรมน. สยายปีกอำนาจไปถึง ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต.ที่เป็นกำลังผสมระหว่างพลเรือนและกองทัพทำหน้าด่านหน้าดับไฟใต้ ยุติสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และยังไม่นับรวมถึงนั่งหัวโต๊ะกุมกำลังฝ่ายปกครองที่อยู่ใต้อาณัติของกระทรวงมหาดไทยในการคอนโทรลของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรีและเจ้ากระทรวงมท.1 จึงต้องเดาใจนายใหญ่แห่งพรรคเพื่อไทยว่า การจัดแผงอำนาจใหม่ให้ สายตรงเบอร์ 1 “รองภูมิธรรม” อำนาจล้นฟ้าขนาดนี้หวังผลทางการเมืองอย่างไร
แต่ที่รู้กันดีก่อนหน้านี้ “สุทิน คลังแสง” เจ้ากระทรวงกลาโหม เสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม และพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร เป้าประสงค์หลัก คือ “สกัดรัฐประหาร” ด้วยการมอบดาบอาญาสิทธิ์ให้ “นายกรัฐมนตรี” สั่งปลดผู้บัญชาการเหล่าทัพที่แข็งข้อก่อรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แม้ในทางปฏิบัติไม่ได้ผลแต่ในเชิงทฤษฎีถือว่าเป็นการออกกฎเหล็กมาเพื่อข่มขู่ “กองทัพ” อย่ามาลองของเหมือนที่เคยทำกับนายใหญ่ “ทักษิณ” เมื่อปี 2549 หรือ นายหญิงคนแดนไกล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่ทั้งถูกปฏิวัติปี 2557 แถมติดร่างแหคดีทุจริตจำนำข้าว โทษจำคุก 5 ปี เป็นเหตุให้ต้องเร่ร่อนพเนจรในต่างแดนตามรอยพี่ชาย แต่กฎเหล็กที่ “สุทิน” งัดออกมาเอาเข้าจริงจะไปขวางทหารไม่ให้ทำปฏิวัติได้หรือไม่เป็นคนละเรื่อง
แต่น่าจะเป็นการวางเกมการเมืองระยะยาวให้รัฐบาลได้อยู่ครบเทอมโดยมี “กองทัพ” ค้ำบัลลังก์ให้รัฐบาลได้อยู่ยาว จึงมอบงานให้ “รองภูมิธรรม” ปิดเกมปัญหาคาราคาซังระหว่างรัฐบาล กับ กองทัพ โดยเฉพาะการจัดซื้ออาวุธยุโธปกรณ์ที่มีมูลค่าเฉียดแสนล้านบาท ทั้งที่เป็นล็อตใหม่ หรือ ล็อตเก่าที่ยังตกค้างอยู่ อาทิ เรือดำน้ำจีน , เรือฟริเกต หรือ ฝูงบินรบมาไว้ประจำการ แลกกับการเอาใจกองทัพ สิ่งเหล่านี้ต้องใช้งบประมาณสูงเป็นช่องโหว่ที่พรรคฝ่ายค้านโดยเฉพาะ “พรรคก้าวไกล” คู่แค้นกองทัพอยู่แล้วเป็นทุนเดิม จึงจ้องตาเป็นมันคอยถล่มกองทัพ หนีไม่พ้นต้องกระทบชิ่งมายังรัฐบาล
มือขวานายใหญ่ยอมพลีชีพเป่าคดีจำนำข้าวพา “นายหญิง” กลับบ้าน
ยิ่ง “รองภูมิธรรม” เป็นรองนายกฯควบกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงหลักที่สามารถเปิด หรือ ปิดดีลเจรจาจัดแพ็คเกจจัดซื้ออาวุธล็อตใหญ่ได้สบาย ๆ ตัวอย่างเช่น หากต้องการปิดจ็อบซื้อเรือดำน้ำจีน ด้วยการนำสินค้าเกษตรไทยไปแลกมาถือเป็นการค้าต่างตอบแทน ยิ่งไปกางไส้ในการจัดสรรงบประมาณในชั้นกรรมาธิการพิจารณาปี 2567 หรือ กำลังจะตั้งไข่พิจารณางบประมาณใหม่ของ ปี 2568 บรรดาเหล่าทัพยื่นความประสงค์ขอจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์มาคิวยาวเหยียด การวางตัว “รองภูมิธรรม” อาจมารับภารกิจนี้ก็เป็นได้
นี่ยังไม่รวมภารกิจส่วนตัวนายใหญ่เพื่อไทยที่ต้องการพาน้องสาวกลับบ้านก่อนสงกรานต์ปีหน้า “รองภูมิธรรม” ถึงกับลงทุนเปลืองตัว นำข้าวเก่าเก็บอายุกว่า 10 ปีในโครงการจำนำข้าว ต้นเหตุทำให้ นายหญิงคนแดนไกลต้องหนีคดี พร้อมกับกินข้าวโชว์สื่อแถมยังชวนให้สื่อช่วยชิม ยกนิ้วโป้งการันตีความหอมอร่อยและไร้กลิ่นหืน “รองภูมิธรรม” ลงทุนยอมพลีชีพยอมเสี่ยงกินข้าวที่ฉีดยากันมอด จึงไม่แปลกเหตุใด ถึงได้มาคุมกระทรวงพาณิชย์
จึงทำให้บรรดากูรูการเมืองอ่านเกมบนกระดานนี้ว่า 1.บริษัทไหนจะคว้าประมูลข้าวไปทำข้าวถุงขาย คำถามคือใครจะกล้าซื้อข้าวที่ถูกรมยาไปกิน และ 2.การที่ “รองภูมิธรรม” เอาชีวิตเข้าแลกเพื่อการันตีว่า ข้าวเก่าเก็บ 10 ปี ไม่เน่าในโครงการจำนำข้าว ไม่ได้ทำให้รัฐเสียหาย ดังนั้นน้องสาวนายใหญ่ไม่ต้องรับผิดชอบย่อมพ้นมลทินในคดีที่ต้องติดคุก 5 ปี เป็นการปูพรหมแดงให้ “ยิ่งลักษณ์” กลับไทยโดยสะดวกใช่หรือไม่ ที่คาดกันว่าน่าจะเดือนตุลาคมนี้ ด้วยการใช้ “ทักษิณโมเดล” ใช่หรือไม่
กางผังอำนาจ “รองภูมิธรรม” จะเห็นว่า อำนาจใหญ่คับฟ้ายิ่งกว่า “นายกฯเศรษฐา” เสียอีก เป็นรองก็แต่นายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้าเท่านั้น เพราะได้อำนาจเบ็ดเสร็จสกัดรัฐประหาร และ คุมกองทัพค้ำบัลลังก์รัฐบาลให้อยู่ครบเทอม แต่ต้องแลกมาด้วยการยอมพลีชีพพานายหญิงกลับบ้านมาให้ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง