เปิดใจ "เสี่ยเล็ก ภูเก็ต" เคยถูกนายทุนต่างชาติ-ตร.ไทย ใช้ กม.กรมป่าไม้ รังแกหวังฮุบที่ดิน
ข่าวที่น่าสนใจ
ทีมข่าวท็อปนิวส์ ได้ลงพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้าน รวมไปถึงผู้ที่เคยมีปัญหาประเด็นเรื่องร้องเรียนในพื้นที่หาดต่างๆ เพื่อหาข้อมูลข้อเท็จจริง โดยได้ไปที่บริเวณพื้นที่ใกล้กับหาดฟรีดอม ตั้งอยู่ใน ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งได้พูดคุยกับนายปรินทร เรืองรัตนวานิช หรือ เสี่ยเล็ก ผู้ที่เคยตกเป็นผู้ถูกร้องเรียน ฐานบุกรุกป่าสงวน ถูกกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพล โดยเสี่ยเล็ก เล่าว่าที่ผ่านมา ถูกกลุ่มชาวต่างชาติที่มีแหล่งเงินทุนที่สนับสนุนให้กับคนในประเทศไทย ร่วมกับหน่วยราชการตำรวจระดับ ยศ พ.ต.อ. เฉกเช่นเดียวกันกับประเด็นหมอถูกฝรั่งเตะ ซึ่งเกี่ยวข้องกับนายทุนกับข้าราชการ ซึ่งตนไม่ได้กล่าวหาใคร เคสของตนก็ไม่ต่างกัน โดยบุคคลนี้ใช้อำนาจในหน้าที่โดยไม่ชอบในการให้คนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นชายฉกรรจ์ เคยนำกำลังเข้ามาในพื้นที่ดินของตน แล้วมีลักษณะการข่มขู่คนในครอบครัวให้หวาดกลัว เพื่อไม่ให้กล้าอาศัยอยู่ที่นี่
และจุดประสงค์คือ ต้องการครอบครองที่ดินที่ตนอยู่ผืนนี้ เป็นบริเวณจุดทางลงหาดฟรีดอม เป็นจุดสำคัญที่ตนได้อุทิศถนนให้เป็นสาธารณะ ให้บริการนักท่องเที่ยวในการจอดรถฟรี ดูแลทรัพย์สิน รวมไปถึงบริการห้องน้ำ ส่วนอาชีพหลักของครอบครัวตน คือการทำมาค้าขาย และช่วยเหลือนักท่องเที่ยวในเบื้องต้น ขายสินค้าที่ราคาไม่แพง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่บางคนที่ลืมกระเป๋าสตางค์ หรือกระเป๋าสตางค์หาย ตนก็สามารถให้รับประทานอาหารฟรี เราดำเนินการมานานกว่า 10 ปีแล้ว
นายปรินทร ยืนยันว่าได้อยู่พื้นที่นี้มานานกว่าที่จะมีการประกาศ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ อยู่มาก่อนการประมวลกฎหมายที่ดิน 1 ธันวาคม 2497 ซึ่งตนมีหลักฐานเป็นส.ค. 1 กับใบคัดค้านป่าไม้ ซึ่งเราสามารถตรวจสอบจากภาพถ่าย ทางอากาศของกรมแผนที่ทหารตั้งแต่ 2519 จนถึงปัจจุบัน โดยกลุ่มที่มาร้องเรียนตนได้ใช้อิทธิพลโดยใช้กฎหมายของกรมป่าไม้ในการมากลั่นแกล้งตน กล่าวหาว่าตนเป็นมาเฟียบุกรุกผืนป่า ที่ผ่านมาตนเคยถูกลอบยิงรอบทำร้ายมากว่าหลายครั้ง ถูกบุกรุกในยามวิกาล ซึ่งตนก็มีอาวุธในการป้องกันตัว แต่กับกลายเป็นภาพที่มองออกไปว่าเรายิงปืนคุกคามคนอื่นทั้งที่เราถูกกระทำก่อน
ทั้งนี้ นายปรินทร ฝากถึงนายอนุทิน และนายชาดา ช่วยรับฟังข้อมูลของตน ที่ผ่านมาตนไม่เคยร้องเรียนไปยังกระทรวงมหาดไทย และตนไม่ได้มีความสนิทสนมกับทั้ง 2 ท่าน แต่ชอบวิธีการทำงานที่มีการประนีประนอม และอยากแนะนำว่า หลังจากที่ได้รับรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาแล้ว ควรมีองค์กรอิสระ ที่เข้าสืบคนในพื้นที่อย่างจริงจัง เพื่อจะได้ไปรีเช็คและสอดคล้องกันกับรายงานที่ผู้ใต้บังคับบัญชาได้นำเรียนต่อท่าน ท่านก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกจุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง