“นายใหญ่” เดินเกมใต้ดินคุมมั่นคง ทวงคืนศักดิ์ศรี ถูกถอดยศ เรียกคืนเครื่องราชย์

"ทักษิณ"เดินเกมใต้ดินคุมมั่นคง ผนึกเพื่อนซี้ "ฮุน เซน" ดับไฟสงครามเมียนมา คาดดอดคุย "อันวาร์" ถก "ดับไฟใต้ - แลนด์บริดจ์" จับตาหลังพ้นพักโทษ ทวงศักดิ์ศรี!คืนยศ "พันตำรวจโท" และ เครื่องราชย์

TOP News รายงานข่าว นับแต่คณะรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี จัดแผงอำนาจใหม่แบ่งงานรองนายกรัฐมนตรี อำนาจฝ่ายความมั่นคงเบ็ดเสร็จตกอยู่ในอุ้งมือ “มือขวานายใหญ่” “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี นั้นคือ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีควบกระทรวงพาณิชย์ นับจากนี้ไปต้องติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองของนายใหญ่แห่งพรรคเพื่อไทยจะเดินเกมใต้ดินที่เกี่ยวข้องกับงานมั่นคงอย่างไร

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

“ทักษิณ”ผนึกเพื่อนซี้ “ฮุน เซน” เดินเกมใต้ดินดับไฟสงครามเมียนมา

เพราะเริ่มจับสังเกตได้จากที่ นายใหญ่เพื่อไทย ขยับลงมาดับไฟสงครามที่ปะทุอยู่ตามแนวชายแดนไทย – เมียนมา ด้วยการแอบพบกับผู้นำกองกำลังชนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆ ที่กำลังสู้รบกับรัฐบาลเมียนมา พร้อมทั้งยังได้จัดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการกับคณะผู้นำรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ หรือ NUG ซึ่งเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลเมียนมาโดยตรง เรื่องนี้ทำให้ “พลเอกอาวุโสมิน อ่อง ลาย” ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ถึงกับเลือดขึ้นหน้าสั่ง “โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมา” ออกมาตำหนิทันควัน ว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสม พร้อมกับเมินข้อเสนอเพื่อนซี้ “ทักษิณ” นั้นคือ “สมเด็จฯฮุน เซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา ซึ่งรับทราบกันดีว่า “ทักษิณ” กับ “ฮุน เซน” สนิทแนบแน่นกันขนาดไหน วันแรกที่นายใหญ่เพื่อไทยได้รับการพักโทษนอกคุกไม่ต้องอยู่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ “ฮุน เซน” บุกมาเยี่ยมถึงบ้านจันทร์ส่องหล้า พร้อมกับเทียบเชิญ “อุ๊งอิ๊ง” แพรทองธาร ชินวัตร ไปเยือนกัมพูชา จัดพิธีต้อนรับอย่างอลังการ

รัฐบาลทหารเมียนมา หัวเสียมากกับข้อเสนอ “ฮุน เซน” ที่เข้ามาจุ้นกิจการภายใน ด้วยการขอพูดคุยกับ “ออง ซาน ซูจี” อดีตผู้นำรัฐบาลพลเรือนเมียนมาที่ถูกกองทัพก่อรัฐประหารยึดอำนาจและถูกจับกุมดำเนินคดี โดยต้องโทษคุมขังอยู่ขณะนี้ ในทางการเมืองอาจมองได้ว่า ทั้ง “ทักษิณ” และ “ฮุน เซน” แท็กทีมเดินเกมการเมืองระหว่างประเทศกับเมียนมาไปในทิศทางเดียวกัน ต้องการให้รัฐบาลเมียนมาตั้งโต๊ะเจรจากับฝ่ายต่อต้านยุติไฟสงครามกลางเมืองก่อนจะลามเข้าไทยและกัมพูชา ใช่หรือไม่

แต่ที่ต้องมองข้ามช็อตไปกว่านั้นคือ “ภูมิธรรม” สายตรงนายใหญ่ในฐานะผู้บัญชการเหล่าทัพจะเดินเกมและรับไม้ต่ออย่างไร? เพราะขนาด “สุทิน คลังแสง” รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงกลาโหม กระโดดป้องนายใหญ่ ว่าไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะเป็นผู้มีบารมีเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี ย่อมทำได้ มิพักต้องพูดถึง “รองภูมิธรรม” จะกล่าวเช่นใด

คาด “ทักษิณ” ดอดคุย “อันวาร์” ถก “ดับไฟใต้ – แลนด์บริดจ์” ?

เท่านั้นยังไม่พอ ข่าวลือสนั่นตลอดแนวชายไทย – มาเลเซีย ว่า นายใหญ่เพื่อไทยดอดพบ “อันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ระหว่างที่เดินทางไปจังหวัดภูเก็ต แม้จะไม่มีรายละเอียดออกมาว่า 2 ผู้นำไทยมาเลย์หารือลับกันเรื่องอะไร แต่ในทางการเมืองอาจเข้าเค้าว่าน่าจะมี 2 เรื่องใหญ่ อาทิ ดับไฟใต้ กับ อภิมหาโปรเจ็กต์ “แลนด์บริดจ์” ใช่หรือไม่

เพราะมีกระแสข่าวลือหนาหูว่านายใหญ่เพื่อไทย อยากลงพื้นที่ไปดูหน้างาน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่บรรดานักการเมืองเจ้าถิ่นเบรกไว้เพราะเกรงว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย หวั่นกระทบ “กระบวนการพูดคุยสันติสุข” ระหว่างรัฐบาลกับขบวนการแบ่งแยกดินแดน ที่กำลังเดินอยู่ทั้งบนดินและใต้ดิน และ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นที่รับรู้กันดีว่า “พรรคเพื่อไทย” เจาะฐานเสียงเข้ายากมาก เพราะคนในพื้นที่ยังเจ็บช้ำกับเหตุการณ์ “กรือเซะ” และ “ตากใบ” ยังตามหลอนอยู่สมัยนายใหญ่เพื่อไทยเรืองอำนาจ ดังนั้นภารกิจสำคัญของ “รองภูมิธรรม” ต้องสมานบาดแผลเก่าตรงนี้ให้หายไปให้ได้

อย่างไรก็ตามการพบกันระหว่าง “ทักษิณ” กับ “อันวาร์ อิบราฮิม” ไม่ใช่เรื่องแปลก ตอนที่ “ทักษิณ” เป็นคนแดนไกล ได้อภิสิทธิพิเศษเดินทางเข้า-ออก มาเลเซียเป็นประจำอยู่แล้ว จึงมีความสนิทสนมต่อกัน อีกเรื่องที่คาดเดากันว่าน่าจะหารือกัน คือ อภิมหาโปรเจ็กต์ “แลนด์บริดจ์” ค้นข่าวเก่าจะรู้ว่า นายใหญ่เพื่อไทย เคยให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่า ทำไมความพยายามสร้าง “คอคอดกระ” หรือ “สะพานบกเชื่อม 2 ฝั่ง ระหว่าง อันดามัน กับ อ่าวไทย หรือ แลนด์บริดจ์ ทำไมไทยทำไม่ได้ เพราะ ถ้าไทยทำสำเร็จรับรอง ท่าเรือ “สิงคโปร์” และ “มาเลเซีย” แห้งตายแน่ แต่ที่ไทยทำไม่ได้เพราะ ไทยไร้ยุทธศาสตร์ระยะยาว การเมืองไทยไม่พัฒนา มีการทะเลาะเบาะแว้ง รัฐบาลเข้ามาบริหารอยู่สั้น ๆ ระบบข้าราชการ องค์กรภาครัฐและ เอกชน จึงไม่เคยคิดจะทำอะไร

จับตาหลัง “ทักษิณ” พ้นพักโทษ ทวงศักดิ์ศรี! คืนยศ “พันตำรวจโท” และ เครื่องราชย์ 

อีกเรื่องที่ต้องจับตามอง หากนายใหญ่พ้นพักโทษอยู่บ้านจันทร์ส่องหล้า น่าจะช่วงเดือนสิงหาคมนี้ ต้องมีการหยิบยกเรื่อง “การถูกถอดยศพันตำรวจโท” หรือ “การถูกเรียกคืนเครื่องราชย์” ขึ้นมาปัดฝุ่นหารือ เพื่อทวงคืนศักดิ์ศรีให้นายใหญ่เพื่อไทย หากจำกันได้ ปี 2562 ยุครัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คณะกรรมการถอดยศข้าราชการตำรวจ มีมติเอกฉันท์ 5 ต่อ 0 ถอดยศ “ทักษิณ” จาก “พันตำรวจโท” เหลือ “นาย” คำนำหน้าคนเดินดินกินข้าวแกงทั่วไป

ในปีเดียวกัน โปรดเกล้าฯ เรื่องเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ฝ่ายหน้า และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตะกูลอื่น อาทิ ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก , ประถมาภรณ์ช้างเผือก , จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก หรือ เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฎ , ตริตาภรณ์มงกุฎไทย , จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย , เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญลูกเสือสดุดี ชั้นที่ 1 ต้องคืนเกลี้ยงตู้โชว์ในบ้านจันทร์ส่องหล้า

นับจากนาทีนี้ต้องจับตามองว่า นายใหญ่จะสั่งการเดินเกมใต้ดินงานมั่นคงไปในทิศทางใด รวมถึง “มือขวานายใหญ่” จะกล้าปัดฝุ่นแตะเผือกร้อน ทวงคืนศักดิ์ศรีเอาใจนายใหญ่ ด้วยการคืนยศ “พันตำรวจโท” และ เรียกคืนเครื่องราชย์ทั้งหมดกลับมาคืนตู้โชว์บ้านจันทร์ส่องหล้าได้หรือไม่ อันนี้ถ้าทำจริงเป็นเรื่องน่ากุมขมับ!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เมียไรเดอร์ เปิดใจเสียงสั่น กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังรู้ข่าว หนุ่มอินเดียซิ่งเก๋งได้ประกันตัว ลั่น ‘คนมีเงินมันยิ่งใหญ่’
นายกฯ เปิดงาน Thailand Reception เชิญชวนสัมผัสเสน่ห์อาหารไทย ชูศักยภาพเศรษฐกิจ
จีนแห่ ‘โคมไฟปลา’ แหวกว่ายส่องสว่างในอันฮุย
"พิพัฒน์" ตรวจเยี่ยมเอกชน ต้นแบบอุตสาหกรรม ผลิตด้วยเทคโนฯ AI พร้อมเร่งนโยบาย up skill ฝีมือแรงงานไทย
ผู้นำปานามาลั่นคลองปานามาไม่ใช่ของขวัญจากสหรัฐ
จีนไม่เห็นด้วยหลังไทยยืนยันไม่มีแผนส่งกลับอุยกูร์ในขณะนี้
"ดีเอสไอ" อนุมัติให้สืบสวนคดี "แตงโม" ปมมีการบิดเบือน บุคคลอื่น-จนท.รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่
"พิพัฒน์" นำถก "คบต." ลงมตินายจ้างต้องยื่นบัญชีชื่อต้องการแรงงานต่างด้าว ให้เสร็จใน 13 ก.พ.68
ส่องรายได้ "ดิว อริสรา" หลัง "ไผ่ ลิกค์" เฉลยชื่อดาราดัง ปมยืมเงินปล่อยกู้ โซเชียลจับตา รอเจ้าตัวชี้แจง
ศาลให้ประกันตัว "หนุ่มลูกครึ่งอินเดีย" ขับรถชนไรเดอร์เสียชีวิต ตีวงเงิน 6 แสนบาท คุมเข้มใส่กำไล EM ภรรยาผู้ตาย ลั่นไม่ให้อภัย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น