AFP รายงานว่าพายุสุริยะครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 21 ปีซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (10 พค.) ได้ทำให้เกิดปรากฎการณ์แสงเหนือในหลายประเทศทั่วโลกรวมทั้งสหรัฐ, อังกฤษ, ฝรั่งเศสและ เยอรมนีในขั้วโลกเหนือและออสเตรเลียและอาร์เจนติน่าในขั้วโลกใต้ โดยพื้นที่ที่เกิดปรากฎการณ์ดังกล่าวจะเป็นพื้นที่ทางภาคเหนือ โดยประชาชนสามารถมองเห็นแสงเหนือที่ปรากฎเป็นสีชมพุ, สีเขียวและสีม่วงอย่างชัดเจนด้วยตาเปล่า สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้พบเห็นทั่วโลกที่พากันถ่ายภาพและแชร์บนโลกโซเชียลกันอย่างคึกคัก
องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศสหรัฐ( NOAA) ซึ่งทำหน้าที่ติดตามและเฝ้าระวังพายุสุริยะเผยว่าดวงอาทิตย์ได้เริ่มปล่อยมวลพลาสม่าและสนามแม่เหล็กซึ่งทำให้เกิดประจุในระดับ G 5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่วันศุกร์ และต่อเนื่องในวันเสาร์ และคาดว่าจะยังมีต่อจนถึงวันจันทร์ โดยระดับสนามแม่เหล็กจะอยู่ระหว่าง G3-G5 ดังนั้นแสงเหนือจึงจะปรากฎให้เห็นจนถึงวันจันทร์แต่คาดว่าจะไม่ชัดเจนเหมือนวันศุกร์
ปรากฎการณ์พายุสุริยะครั้งนี้ได้สร้างความวิตกว่าจะส่งผลกระทบต่อระบบไฟฟ้าซึ่งอาจทำให้เกิดไฟดับครั้งใหญ่ รวมทั้งอาจก่อกวนระบบสื่อสารและระบบนำทางด้วยดาวเทียมหรือ GPS ทั่วโลก ส่งผลให้จีนประกาศเตือนภัยในระดับสูงสุดเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (เสาร์ที่ 11 พค.) ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ ขณะที่องค์การนาซ่าเตือนให้นักบินอวกาศที่ปฏิบัติภารกิจบนสถานีอวกาศให้ย้ายที่ตั้งไปยังพื้นที่ปลอดภัยจากสนามแม่เหล็ก ด้านอิลอน มัสก์ เจ้าของดาวเทียมสื่อสารราว 5 พันดวงของสตาร์ลิงค์ก็สั่งเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานผลกระทบหรือความเสียหายรุนแรงต่อระบบไฟฟ้า, ระบบสื่อสารหรืออุปกรณ์อิเลคทรอนิคแต่อย่างใด
พายุสุริยะครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุดในรอบ 21 ปี นับตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2546 ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลฮาโลวีน ซึ่งครั้งนั้นอยู่ที่ระดับ G5 เช่นกัน ทำให้เกิดไฟดับครั้งใหญ่ที่สวีเดนและทำให้เกิดความเสียหายต่อเครือข่ายไฟฟ้าในแอฟริกาใต้