เหนือคาด-ปูติน แต่งตั้ง อังเดร เบลูซอฟ อดีตรมว.เศรษฐกิจ ขึ้นเป็นรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่แทนที่ เซอร์เกย์ ชอยกู หลังครองตำแหน่งมา 12 ปี
เมื่อวันอาทิตย์ ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ได้แต่งตั้งนายอังเดร เบลูซอฟ วัย 65 ปี อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเศรษฐกิจให้เป็นรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ แทนที่นายเซอร์เกย์ ชอยกู วัย 68 ปี ที่ดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2555 โดยชอยกูจะถูกย้ายมาดำรงตำแหน่ง เลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงที่ทรงอำนาจของรัสเซีย ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการทหารด้วย แทนที่นาย นิโคไล ปาตรุชอฟ ส่วนปาตรุชอฟ จะได้รับตำแหน่งใหม่ ซึ่งยังไม่มีประกาศว่าเขาจะย้ายไปที่หน่วยงานใด
การแต่งตั้งรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ครั้งนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุด นับตั้งแต่รัสเซียเปิดสงครามบุกยูเครน ในปี 2565 ขณะรัสเซียมุ่งสู่เศรษฐกิจสงคราม ซึ่งการส่งผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจมานำกองทัพนั้น จะทำให้ใช้งบประมาณกลาโหมได้ดีขึ้น และใช้นวัตกรรมที่มากขึ้น เพื่อคว้าชัยชนะในยูเครน
ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกเครมลินกล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงนี้สมเหตุสมผล เนื่องจากรัสเซียกำลังเข้าใกล้สถานการณ์ เช่นเดียวกับสหภาพโซเวียตในช่วงกลางทศวรรษ 1980 ช่วงเศรษฐกิจสงคราม ซึ่งขณะนั้นงบกลาโหมคิดเป็นร้อยละ 7.4 ของจีดีพี และว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแน่ใจว่า การใช้จ่ายสามารถสอดคล้องและบูรณาการเข้ากับเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศได้มากขึ้น พร้อมเสริมว่า “ผู้ที่เปิดรับนวัตกรรมมากขึ้นคือผู้ที่จะได้รับชัยชนะในสนามรบ”
เบลูซอฟ เป็นหนึ่งในคนสนิทของปูติน ที่มีวิสัยทัศน์เดียวกัน ในการสร้างรัสเซียให้เข้มแข็ง และยังได้ทำงานร่วมกับผู้บริหารชั้นนำของปูติน ที่มุ่งสร้างนวัตกรรมยิ่งใหญ่ และเปิดกว้างต่อแนวคิดใหม่ๆ อีกทั้งเขายังมีบทบาทสำคัญในการดูแลโครงการโดรนของรัสเซีย
รอยเตอร์รายงานว่า การเปลี่ยนแปลงเหนือคาดครั้งนี้ บ่งชี้ว่า ปูตินกำลังทุ่มเทแก่สงครามยูเครนเป็นสองเท่า และต้องการปกป้องเศรษฐกิจของรัสเซียให้มากขึ้นขณะทำสงคราม หลังจากที่ชาติตะวันตกพยายามคว่ำบาตรอย่างรุนแรง แต่เศรษฐกิจรัสเซียยังสามารถยืนหยัดได้
อีกทั้งน่าจะเป็นความพยายามของปูติน ที่ต้องการควบคุมการใช้จ่ายด้านกลาโหม ให้ได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดมากขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าเงินทุนถูกใช้ไปอย่างมีประสิทธิภาพ หลังจากที่นายติมูร์ อิวานอฟ พันธมิตรของชอยกู และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ถูกอัยการของรัฐกล่าวหาว่า รับเงินใต้โต๊ะที่มีมูลค่าเกือบเท่ากับสหรัฐฯ 11 ล้านดอลลาร์ (กว่า 4 ร้อยล้านบาท)
สุดท้าย นายอเล็กซานเดอร์ เบานอฟ กล่าว อดีตนักการทูตรัสเซียวิเคราะห์ว่า ปูตินกำลังวางแผนจะชนะสงคราม ด้วยการเสริมประสิทธิภาพ กดดันยูเครนด้วยอำนาจที่เหนือกว่า ของกลุ่มอุตสาหกรรมการทหารของรัสเซียและเศรษฐกิจโดยรวม