“อัจฉริยะ” แฉหนัก ร้องสอบตร.ตั้งด่านเถื่อนรีดเงิน รายได้ดี เดือนละ 7 ล้าน

"อัจฉริยะ" แฉหนัก ร้องสอบตร.ตั้งด่านเถื่อนรีดเงิน รายได้ดี เดือนละ 7 ล้าน

Top news รายงาน วันที่ 13 พ.ค.67 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้ตั้งกรรมการสอบวินัย และตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่ข้าราชการตำรวจ ร้องเรียนว่าผู้บังคับการจราจรกลาง และรองผู้บังคับการจราจรกลาง บังคับให้ตำรวจกองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจจราจร ตั้งด่านจุดกวดขันวินัยจราจร-ตรวจแอลกอฮอล์ โดยให้ส่งเงินรายวันเข้าสำนักงานผู้บังคับการจราจรกลาง โดยวันจันทร์-พฤหัส ด่านละ 7,000 บาท , ศุกร์-อาทิตย์ ด่านละ 10,000 บาท โดยผ่านรองผู้บังคับการจราจรกลาง เป็นผู้ดำเนินการ และยังมีกรณีประชาชนร้องเรียนตำรวจที่ตั้งด่าน กองกำกับการ 1 มีการเรียกรับ, ละเว้น, เป็นด่านเถื่อน ที่แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

อีกทั้งมีการนำชื่อตำรวจระดับสารวัตรมาสวม โดยที่ไม่ได้อยู่ที่ด่านจริง และไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย พร้อมกับนำภาพการตั้งด่านที่มีการเรียกรับผลประโยชน์, ไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย และผู้ควบคุมจุดกวดขันวินัยจราจร-ตรวจวัดแอลกอฮอล์ไม่ได้อยู่ที่จุดตรวจจริง มาประกอบการร้องเรียน

 

นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า ตนเองได้รับการร้องเรียนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจจราจร ว่า ถูกผู้บังคับบัญชา บังคับให้มีการตั้งด่านให้หาเงินรายวันส่ง โดยมีนายตำรวจยศ พ.ต.ต. เป็นผู้ควบคุมจุดตรวจ ไม่ได้อยู่ที่จุดตรวจจริง อันเป็นการกระทำความผิดทางวินัย ฐานทอดทิ้งหน้าที่ และในการจับกุมผู้ต้องหา ก็ไม่ได้มีการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย เนื่องจากบางฐานความผิด ไม่ใช่ความผิดลหุโทษ จึงต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย เช่น ความผิดฐานเมาแล้วขับ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 5,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากมีการจับกุมความผิดฐานนี้ ผู้จับกุมต้องทำการบันทึกภาพ และเสียงอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะส่งตัวผู้ต้องหาไปยังพนักงานสอบสวน และต้องแจ้งการจับกุมไปยังพนักงานอัยการ และนายอำเภอแห่งท้องที่ ที่ผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวทราบ ตามมาตร 22 แห่ง พ.ร.บ.อุ้มหาย หากไม่ปฏิบัติตามก็เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

นายอัจฉริยะ เปิดเผยอีกว่า ผู้ร้องอ้างว่า ถูกบังคับให้เข้าเวรและตั้งด่านหาเงิน ทั้งที่ไม่ที่หน้าที่ และโดยเงินที่ได้จากการตั้งด่านจำนวน 6 ด่าน ได้เงินเดือนละกว่า 7 ล้านบาท จากนั้นจะต้องส่งไปยังสำนักงานผู้บังคับการ เดือนละ 4 ล้าน ส่วนอีก 3 ล้านบาท จะนำมาแบ่งกัน ประมาณ 90 นาย โดยผู้ร้องยังยืนยันด้วยว่ายินดีจะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบหากคณะกรรมการเชิญเข้ามาให้ข้อมูล เพราะเรื่องนี้ผิดกฎหมายทำให้ประชาชนเดือนร้อน โดยตนเองมีหลักฐานเป็นคลิปวิดิโอ และภาพถ่ายขณะส่งมอบเงินรวมทั้งหลักฐานที่หัวหน้าด่านไม่อยู่ในที่เกิดเหตุมามอบให้ด้วย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

มาแน่ “กรมอุตุฯ” ประกาศฉบับ 12 เตือนระวังอันตราย "พายุฤดูร้อน" พัดถล่ม จว.ที่ไหนบ้างเช็กเลย
ฝนตกหนัก "อนุทิน" กำชับ "ผู้ว่าฯ เชียงราย" ติดตามสถานการณ์น้ำแม่น้ำสายใกล้ชิด
"รมว.สุดาวรรณ" นำชมนิทรรศการ สาธิตวิถีชีวิต ประเพณีวัฒนธรรมโดดเด่นชาวนครพนม ชูเส้นทางตามรอยศรัทธาธรรม 7 วันสักการะ 8 พระธาตุประจำวันเกิด
"สรรเพชญ" ผนึก "สุพิศ" นายกอบจ.สงขลา ร่วมขับเคลื่อนพัฒนาท้องถิ่นทุกมิติ มั่นใจยกระดับคุณภาพชีวิตปชช.
"นฤมล" ลงพื้นที่เยี่ยมชาวสวนลิ้นจี่ นครพนม ชื่นชมสร้างมูลค่าส่งออก ยันพร้อมหนุนทุกปัจจัย ดูแลผลไม้ไทย
สส.สัตหีบ เร่งประสานอีสวอเตอร์ แก้ไขปัญหาท่อน้ำประปาแตกบ่อย น้ำไหลเบา เพิ่มแรงดันน้ำพื้นที่โซนสูง
"ศุภมาส" เดินหน้าขับเคลื่อน Soft Power จัดแข่งวาดภาพ Thai Youth Street Art รุดให้กำลังใจ 6 สถาบัน เข้าประชันฝีมือ
สวนสัตว์เปิดเขาเขียว จัดกิจกรรมคลายร้อนให้สัตว์ ด้วยหวานเย็นผลไม้ พร้อมเสริมกิจกรรมต่างๆ เพื่อกระตุ้นพฤติกรรมธรรมชาติ
"สมศักดิ์" ให้กำลังใจทีมแพทย์- พยาบาล รพ.บึงกาฬ พร้อมเปิดห้องรับฟังความเห็น หลังเกิดปัญหาบุคลากรทางการแพทย์ขาดแคลน
กรรมการ บ.ไมนฮาร์ทฯ ผู้รับออกแบบตึกสตง. ให้ข้อมูลดีเอสไอ รับมีการสั่งแก้แปลนอาคาร ผนังปล่องลิฟท์ พร้อมร่วมมือให้ทุกอย่าง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น