“ถาวร เสนเนียม” แจงปม “บุ้ง” เสียชีวิตอย่าโยงนิรโทษกรรมความผิด 112 ชี้ต้องแยกพิจารณาพฤติกรรมว่าทำผิดเล็กน้อย หรือทำโดยสันดาน ระบุหากทำผิดซ้ำซากไม่ควรนิรโทษกรรม
ข่าวที่น่าสนใจ
ความคืบหน้ากรณี น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ “บุ้ง” นักกิจกรรมทางการเมืองกลุ่มทะลุวัง ผู้ต้องหาคดีละเมิดอำนาจศาล และคดี 112 เสียชีวิตหลังจากอดอาหารเป็นเวลาเกือบ 4 เดือน โดยภายหลังการเสียชีวิตได้มีหลายฝ่ารนำเอาการเสียชีวิตของของบุ้งไปโยงในเรื่องการเมือง โดยเฉพาะเรื่องการออกกฎหมายนิรโทษกรรมที่มีการระบุว่าต้องรวมเอาการกระทำผิดมาตรา 112 เข้าไปด้วย ซึ่งล่าสุดนายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ อดีตแกนน นปช. และตัวแทนไอลอร์ได้ออกมาให้ความเห็นกรณีบุ้งเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามและเห็นว่านิรโทษกรรมต้องรวม 112 เข้าไปด้วย
ล่าสุดวันนี้ (15 พ.ค.) นายถาวร เสนเนียม อดีตแกนนำ กปปส. และสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ท็อปนิวส์เกี่ยวกับกรณีที่มีการโยงการเสียชีวิตของบุ้งไปเกียวข้องกับกฎหมายที่นิรดทษกรรมที่ต้องรวมความผิดในมาตรา 112 เข้าไปด้วยว่า ขณะนี้คณะกรรมาธิการวิสมัญพิจารณาศึกษาที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมได้มีมติให้แยกการกระทำผิดมาตรา 112 ออกไปพิจารณาต่างหาก เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน โดยบางคนทำความผิดหลาย 10 ครั้ง ขณะที่บางคนทำความผิดแค่ครั้งเดียว ดังนั้นความเห็นส่วนตัวที่เสนอไว้ คือ ให้แยกไปพิจารณา เพราะบางคนทำผิดโดยสันดาน ไม่ใช่วิจารณ์เพื่อการปฏิรูป ดังนั้นการกระทำผิดโดยสันดาน ทางคณะกรรมาธิการจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้หรือไม่ก็เป็นเรื่องที่ต้องไปพิจารณา เพราะสภามอบหมายไปแล้ว แต่ข้อเสนอส่วนตัวคือให้แยกพิจารณา โดยแยกหนักเบาตามพฤติกรรมความผิด คนที่กระทำความผิดเบาไม่ขัดข้อง แต่ใครที่มีพฤติกรรมซ้ำซากก็ให้คณะกรรมาธิการไปพิจารณาเอง
เมื่อถามว่า กรณีที่มีคนนำเรื่องการเสียชีวิตของบุ้งไปโยงกับเรื่องนิรโทษกรรมในความผิดมาตรา 112 ไม่ทราบว่ามีความเห็นอย่างไร นายถาวร กล่าวว่า ก็ไปดูพฤติกรรมของบุ้งว่าเข้าหลักเกณฑ์อย่างไร เพราะส่วนตัวไม่อาจฟันธงได้ จึงต้องไปดูข้อเท็จจริงเป็นรายบุคคล และเป็นคดีไป โดยมีสองหลักการ คือ 1.แยกพิจารณา 2.การพิจารณาให้ดูความหนักเบาของการกระทำความผิดว่า สิ่งใดเบาไม่ขัดข้องที่จะให้นิรโทษกรรม ส่วนความผิดใดหนักซ้ำซากทำแล้วทำอีกก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้นิรโทษกรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า หลังจากที่ สส.ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้านและภาคประชาชน ได้เสนอร่างกฎหมายให้มีการนิรโทษกรรมและผลักดันให้มีการนำร่างกฎหมายนี้เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2567 สภาผู้แทนราษฎรได้มีมติให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมขึ้น โดยมีชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย เป็นประธานกรรมาธิการ และมี สส. หรือผู้เชี่ยวชาญ สัดส่วนของพรรคต่าง ๆ ร่วมเป็นกรรมาธิการพิจารณาศึกษา รวมจำนวน 35 คน
ทั้งนี้ถึงปัจจุบัน กมธ. ชุดนี้ประชุมกันไปแล้ว 10 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดในวันที่ 2 พ.ค. 2567 ที่ประชุมยังมีมติขอขยายเวลาศึกษาเพิ่มเติมออกไปอีก 60 วัน โดย กมธ. มีนัดหมายประชุมครั้งต่อไป ซึ่งเป็นครั้งที่ 11 ในวันที่ 16 พ.ค. 2567 เวลา 13.00 น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
