“ทนายด่าง” เตรียมนำทีมครอบครัว ทวงถามรพ.ราชทัณฑ์ ขอเอกสารก่อน “บุ้ง” เสียชีวิต 5 วัน ยังคาใจใส่ท่อผิดจุด Top News รายงาน
ข่าวที่น่าสนใจ
หลังจากที่ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศงานฌาปนกิจศพนางสาวเนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ทะลุวัง ที่วัดสุทธาโภชน โดยมีครอบครัว และกลุ่มเพื่อน เช่น นางสาวณัฐนิษ ดวงมุสิทธิ์ หรือ ใบปอ ที่ได้ถือรูปหน้าศพเชิญโลงศพออกจากศาลาวัด เพื่อเดินวนรอบเมรุ 3 รอบ โดยพี่สาวของบุ้ง ถือกระถางธูป และมีนายนภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ หรือ สายน้ำ และนางสาวอรวรรณ ภู่พงษ์ หรือแบม นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ส่วนบุคคลสำคัญทางการเมืองที่มาร่วมงานฌาปนกิจของบุ้ง มีนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธาน นปช. และนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ อย่างไรก็ตาม ไม่พบน้องหยก เยาวชนหญิงมาร่วมงานฌาปนกิจแต่อย่างใด
จากนั้นนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความจากประจำศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน แถลงคำชี้แจงหน้าเมรุเผาศพบุ้ง มีรายละเอียดดังนี้
“ตั้งแต่เหตุการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ซึ่งข้อมูลจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แจ้งว่านางสาวเนติพร เสน่ห์สังคม มีอาการหมดสติ ไม่มีสัญญาณชีพ และได้รับการทำ CPR เพื่อฟื้นคืนซีพ ตั้งแต่เวลา 06.23 น. ก่อนจะส่งตัวผู้ป่วยมารักษาต่อที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ในเวลา 09.30 น. ซึ่งข้อมูลการรักษาก่อนหน้าเกิดอาการระหว่างการกู้ชีพ
รวมถึงระหว่างการส่งตัวมาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์จากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ยังไม่มีการเปิดเผยเอกสารตามที่ทางทนายความได้ทำเรื่องขอ เพื่อความกระจ่างในการรักษา โดยสาเหตุการตายจากการชันสูตรพลิกศพ ลงความเห็นไว้ว่า
1. ภาวะหัวใจล้มเหลวโดยเฉียบพลัน
2. ภาวะสมดุลเกลือแร่ผิดปกติ
3. ภาวะหัวใจโต ส่วนผลการตรวจหาสารพิษ ยังอยู่ในระหว่างการรอผล
จากข้อมูลการรักษา เวชระเบียนที่ได้จากทางโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ แรกรับช่วงเวลา 09.30 น. พบว่าไม่มีสัญญาณชีพ คลื่นไฟฟ้าหัวใจแรกรับ ไม่มีคลื่นไฟฟ้าของหัวใจห้องข้างล่าง ฟังปอด ไม่พบเสียงลมในปอด แต่ได้ยินเสียงลมบริเวณลิ้นปี่ เมื่อตรวจดูด้วยอุปกรณ์ใส่ท่อช่วยหายใจที่มีกล้องติดอยู่ที่ปลาย พบว่าท่อช่วยหายใจอยู่ในหลอดอาหาร ค่า ETC02 พบว่าไม่มีคลื่น ETC02 โดยวัดคำได้เท่ากับ 0 มิลลิเมตรปรอต ซึ่งจากข้อมูลทั้งหมด ระบุว่ามีการใส่ท่อช่วยหายใจลงในหลอดอาหาร จึงทำการใส่ท่อช่วยหายใจใหม่ที่ห้องฉุกเฉิน หลังจากใส่ท่อช่วยหายใจใหม่ ได้ยินเสียงลมเข้าปอดทั้งสองข้าง และวัดค่า ETCO2 ได้ 10 มิลลิเมตรปรอต
ตั้งแต่เวลาที่บุ้งตรวจไม่พบสัญญาณชีพ 06.23 น. จนมาถึงห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ในเวลา 09.30 น. เป็นเวลา 3 ชั่วโมงในการกู้ชีพ โดยที่สัญญาณชีพแรกรับที่ห้องฉุกเฉิน ไม่พบชีพจร ในขณะที่ยังต้องคันหาสาเหตุการตายผ่านการทบทวนเวชระเบียนจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แม้การใส่ท่อช่วยหายใจลงในหลอดอาหารเป็นสิ่งที่พบได้ แต่ตามมาตรฐานวิชาชีพการตรวจสอบเพื่อยืนยันตำแหน่งท่อช่วยหายใจทันทีเป็นเรื่องพื้นฐาน หากไม่แน่ใจ ต้องมีวิธีการในการยืนยันเพื่อให้แน่ใจว่าตำแหน่งท่อช่วยหายใจอยู่ในที่ที่ถูกต้อง แม้การใส่ท่อช่วยหายใจผิดตำแหน่งและตรวจสอบไม่ได้ อาจไม่ได้เป็นสาเหตุการเสียชีวิต แต่เป็นหนึ่งในอีกความผิดพลาดร้ายแรง ที่ทำให้โอกาสการคืนชีพของบุ้งน้อยลงจนกลายเป็นแทบไม่มีโอกาสรอดชีวิต
เราต้องการตั้งคำถามกับทางโรงพยาบาลราชทัณท์ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบุ้ง ตั้งแต่การดูแลก่อนการเสียชีวิต ขณะกู้ชีพ และจนถึงระหว่างการส่งตัวเพื่อรักษาต่อ เพื่อให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง และทราบถึงมาตรฐานการรักษาของโรงพยาบาลราชทันซ์ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ผิดพลาดนี้กับคนไข้รายอื่นอีก” ทนายด่าง กล่าว
ซึ่งหลังจากที่ ทนายกฤษฎางค์อ่านคำแถลง ชี้แจงของกรมราชทัณฑ์เสร็จ ก็ได้ฉีกกระดาษที่เป็นใบเพรสของกรมราชทัณฑ์ทันที ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (20 พ.ค.) เวลา 09.30 น. ทีมทนายความ และกลุ่มเพื่อนจะเดินทางไปยังโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อขอประวัติการรักษาบุ้ง 5 วัน ก่อนเสียชีวิต หลังถูกเลื่อนการส่งเอกสารมาถึง 7 ครั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น