ภายหลังจากกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผนึกกำลังพันธมิตร สนับสนุนภาพยนตร์ ให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ ส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ ประกอบกับความมีชื่อเสียงของประเทศไทย ในการเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำ ที่มีคุณภาพระดับโลก ทำให้เป็นที่สนใจของคณะถ่ายทำภาพยนตร์จากประเทศทั่วโลก และจากความสำเร็จที่เกิดขึ้น ได้สะท้อนมาจากการเดินทางเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ ทีวี สารคดี ของผู้ประกอบการ ต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
ข่าวที่น่าสนใจ
เมื่อเจาะลึกถึงข้อมูล พบว่าธุรกิจการถ่ายทำภาพยนตร์เติบโตอย่างก้าวกระโดด เริ่มตั้งแต่ปี 2560 มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ 80 ล้านยูโร หรือ 3,074 ล้านบาท และเพิ่มป็น 176 ล้านยูโร หรือ 6,700 ล้านบาท ในปี 2566 โดยอาจกล่าวได้ว่า นี่เกิดจากความสำเร็จ และความพร้อมของประเทศไทย ซึ่งสามารถดึงดูดเม็ดเงินการลงทุน จากหนังฟอร์มยักษ์ ให้มาใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำ ทำให้เกิดการจ้างงาน กระจายรายได้สู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง และส่งเสริมการท่องเที่ยวตามรอยภาพยนตร์ ในชุมชนและเมืองรอง
ไม่เพียงเท่านั้น ประเทศไทยยังได้เปิดคูหา อยู่ภายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ ครั้งที่ 77 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-25 พฤษภาคม นี้ ซึ่งภาคเอกชนเข้าร่วมงาน 12 บริษัท เป็นบริษัทชั้นนำในวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของประเทศไทย ได้แก่ M STUDIO , SAHAMONGKOL FILM INTERNATIONAL BRANDTHINK , BENETONE FILMS , HOLLYWOOD(THAILAND) , KANTANA MOTION PICTURES เป็นต้น
นอกจากนี้ ภายในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ มีบุคคลในวงการภาพยนตร์ ทั้งไทยและต่างชาติ เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง เช่นเดียวกับ “ชมพู อารยา” นับตั้งแต่ปีแรกจนถึงปัจจุบัน ชุดพรมแดงของชมพู่ ยังคงเป็นกระแส และสร้างปรากฎการณ์ ให้สื่อแฟชั่นและความงามทั่วโลก นำไปเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ความงามในอุดมคติ
ด้าน “ฟ้าใส ปวีณสุดา ดรูอิ้น” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 ซึ่งเธอจะมีภารกิจเดินพรมแดง ในวันที่ 21 พฤษภาคม นี้ โดยชุดที่เธอสวมใส่ จะเป็นผ้าไทยสวนจิตรลา ซึ่งจะเป็นตอกย้ำ Soft power ของประเทศไทยบนเวทีโลก ไม่เพียงเท่านั้น “ฟ้าใส” ยังได้เปิดใจให้สัมภาษณ์ กับทีมข่าวท็อปนิวส์ ว่าเธอกำลังจะมีอีกหนึ่งบทบาทใหม่ ในฐานะผู้สร้างภาพยนตร์ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นมาจากเส้นทางที่เธอรัก นั่นก็คือเส้นทางนางงาม อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยและซอฟต์พาวเวอร์” (Soft Power) จึงกลายเป็นคำ ที่ผู้คนในสังคมให้ความสนใจ และถูกตีความไปหลากหลายแง่มุม จนเป็นภาพจำในหมู่ชาวต่างชาติ เพราะ Soft Power คือเครื่องมือที่ช่วยสร้างความเข้มแข็งในเชิงวัฒนธรรม จนนำไปสู่การสร้างรายได้เชิงเศรษฐกิจ
ด้าน “แซค” ธราวุฒิ ฤทธิอักษร ผู้สื่อข่าวท็อปนิวส์ ซึ่งได้รับโอกาสครั้งสำคัญในชีวิต ร่วมลงพื้นที่เกาะติด เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ ด้วยเช่นกันโดย แซค ธราวุฒิ กล่าวเปิดใจว่า ตนรู้สึกตื่นเต้นเป็นที่สุดที่ได้มีทำภารกิจครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี และได้รับเสียงชื่นชมอย่างท้วมท้น เมื่อปรากฎชุด 1 ใน 4 ชุด ที่สวมใส่ในการปฎิบัติหน้าที่รายงานสด นั่นคือสุดท้าย (ชุดที่ 4) เรียกว่า “ชุดไทยราชประแตนประยุกต์” สีโอรสน้ำตาล ทั้งนี้ ชุดราชปะแตนดั้งเดิม จะมีลักษณะเป็นแบบเสื้อสูทสีขาว คัตตั้งสูงมีกระดุม 5 เม็ด สวมใส่ได้ง่าย เนื่องจากมีการสวมใส่เพียงชั้นเดียว ในส่วนของท่อนล่างจะการนุ่งแบบโจงกระเบน พร้อมสวมถุงเท้ายาวถึงเข่า ใส่กับรองเท้าหนังหุ้มส้น คล้าย ๆ กับเครื่องแต่งของข้าราวการพลเรือนในสมัย ร.5 ถือเป็นเครื่องแต่งกายประจำชาติของชายไทย เรียกได้ว่าเป็นชุดราชประแตนดั้งเดิม ซึ่งเป็นตัวเลือกยอดนิยมที่พบเห็นในงานแต่งงานบ่อย ๆ
แต่ชุดที่ แซค ธราวุฒิ นำมาสวมใส่นั้นคือ “ชุดไทยราชประแตนประยุกต์” ซึ่งลักษณะของชุดไทยราชประแตนประยุกต์ เป็นรูปแบบของเสื้อแจ็กเกตสูท ผูกโบว์ไทด์ หรือใช้เนคไทด์แบบสากลนิยม ซึ่งด้านล่างจะเป็นโจงกระเบนเช่นเดียวกันกับแบบชุดราชประแตนดั้งเดิม บางคนอาจเพิ่มลูกเล่นด้วยการใส่เสื้อกั๊กเพิ่มอีกตัว ให้กลายเป็นสูทสามชิ้น
นอกจากนี้ แซค ธราวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ชุดนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก พี่ปลา เจ้าของร้าน Finale Wedding Studio เป็นผู้ออกแบบชุดครั้งนี้ (แต่ไม่ได้ชุดมาฟรีนะจ๊ะ) เพราะทุกอย่างมีต้นทุนจร้า ไม่เพียงเท่านั้น แซค ธราวุฒิ ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกกำหนดไว้หมดแล้ว” จากประโยคข้างต้น คงไม่มีอะไรกล่าวเกินจริง เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มันได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ทุกอย่างถูกกำหนด และมันมีเวลาที่เหมาะสมของมัน
“ใช่ครับ!! กว่าผมจะมาถึงวันนี้ ยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกินครับ และบ่อยครั้งที่ผมเสียน้ำตา ให้กับสิ่งที่ทำจนนับครั้งไม่ถ้วน เคยถามใจตัวเอง ว่าสิ่งที่ทำนั้น ใช่ความสุขจริงๆหรือไม่ คำตอบที่ได้มันก็ตกผลึก เป็นคำตอบสั้นๆว่า “ใช่” ผมจึงตัดสินใจเดินหน้าต่อ โดยตลอดระยะเวลา 7 คืน 8 วัน กับภารกิจในการร่วมติดตามคณะผู้แทนกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์ธุรกิจบันเทิงไทย และสร้างเครือข่าย (Thai Night) ภายใต้โครงการส่งเสริมธุรกิจบันเทิงไทยในงาน Cannes Film Festival 2024 ณ เมืองคานส์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส เป็นห้วงเวลาที่น่าจดจำที่สุดครั้งหนึ่งของชีวิต ผมจึงขอใช้โอกาสนี้ กราบขอบพระคุณทุกท่าน ที่มีส่วนเกี่ยวกับภารกิจสำคัญนี้ ขอบพระคุณที่ไว้วางใจ และเห็นว่า “ไอแซค” คนนี้มันทำได้”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
