จากกรณีที่ บรรดาผู้ปกครองนักเรียนในจังหวัดนครสวรรค์ ออกมาให้ข้อมูลว่า หลังเปิดเทอมใหม่ 120 กว่าโรงเรียน ไม่มีนมโรงเรียนให้ดื่ม และไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่านมจะถูกส่งถึงวันไหน จนกลายเป็นประเด็นร้อนในรอบวัน
ข่าวที่น่าสนใจ
ต่อมาทางทีมข่าว Top News ได้ขอติดต่อไปยัง นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว ซึ่งได้รับข้อมูลว่า ทางกระทรวงได้ประสานไปยัง “สหกรณ์โคนมไทยมิลล์” ซึ่งมีหน้าที่จัดสรรนม จึงทราบว่าขณะนี้การขนส่งเกิดปัญหา เนื่องจากรถขนส่งเบี้ยวนัด ซึ่งจะดำเนินการจัดหาผู้ขนส่งรายใหม่ อย่างไรก็ตามกำชับให้เจ้าหน้าที่สหกรณ์โคนมไทยมิลล์ ส่งนมไปให้เด็กพร้อมดื่มในเช้าวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งเด็กจะได้ทานนม 121 โรงเรียน
“สำหรับในกรณีที่เด็กได้รับประทานนมช้า เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น 1.โรงเรียนเปิดไม่พร้อมกัน 2.โรงเรียนเอกชนบางแห่งยังไม่เปิดเรียน 3.โรงเรียนบางส่วนมันเป็นเกาะ มันเป็นดอย มันต้องขึ้นเขาขึ้นดอย เหล่านี้ก็อาจจะได้รับช้ากว่าเพื่อนโรงเรียนอื่น ตามหลักการณ์ เด็กได้รับประทานนม 1 ปี 260 วัน ถึงแม้เด็กอาจจะได้รับช้าไป 2-3 วัน แต่มันจะทอดเวลาออกไปได้รับนมจนครบตามจำนวนที่กำหนดไว้”
นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อธิบายด้วยว่า ขณะนี้ มีพี่น้องเกษตรกรในภาคโคนมเลิกเลี้ยงไป 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในปีที่ผ่านมามันน่าใจหาย เพราะฉะนั้นทางกระทรวงเกษตรเอง รวมทั้งคณะกรรมการนมโรงเรียนเมื่อได้รู้ปัญหานี้ ก็มาดูกันว่ามันเพราะอะไร จึงได้รู้ว่า เกิดจากการที่พี่น้องเกษตรกร ที่เลี้ยงโคนมไม่สามารถอยู่ในอาชีพได้ และมีอยู่ 2-3 ปัญหา แต่ปัญหาที่น่าเป็นห่วงคือ การจัดสรรนมโรงเรียนที่ไม่เป็นธรรม
“เนื่องจากทางสถาบันเกษตรกร ได้รับจัดสรรนมในปีที่ผ่านมาเพียง 28 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ภาคเอกชน ได้ไปถึง 72 เปอร์เซ็นต์ เราจึงมาคิดว่าจะทำอย่างไรให้มันเกิดความเป็นธรรม และจะรักษาอาชีพพี่น้องเกษตรกรโคนมได้ ผมจึงให้คณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชนพิจารณาร่วมกัน ก็คือใช้หลักคิดต้องให้ความเป็นธรรมกับคนที่เลี้ยงโค และให้ความเป็นธรรมกับแม่โค ซึ่งนมทั้งหมด มีประมาณ 3,000 ตันต่อวัน และมันจะเห็นตัวเลขว่า 1,400 ตัน นี่คือเอาไปทำนมผง จึงเหลือนมอีก 1,600 ตัน และจะเอามาทำนมโรงเรียน จำนวน 1,000 ตัน ฉะนั้นจะเหลือนมพาณิชย์เอง แค่ 600 ตันต่อวัน ในจำนวน 1,000 ตัน คณะกรรมการก็มีมติในการจัดสรรให้สถาบันเกษตรกร ได้ไป 50 เปอร์เซ็นต์ จากเมื่อก่อนเคยได้เพียง 28 เปอร์เซนต์ ส่วนเอกชน กับ อสค. ได้อีก 50 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นขณะนี้ เกษตรกร กับ เอกชน แบ่งกันแล้วคนละ 50 เปอร์เซนต์”
ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวต่อว่า หลักคิดต่อไปเรื่องเกษตรกร ที่เลี้ยงวัวนม แล้วก็โคนม ต้องได้รับการดูแล โดยการได้รับจัดสรรนมโรงเรียน ฉะนั้นสหกรณ์ใด ที่ไปซื้อนมจากสหกรณ์หนึ่งแล้วเอามาพาส เพื่อส่งขายให้โรงเรียนต่างๆ โดยไม่มีเกษตรเลี้ยง และไม่มีโคนมอยู่ในสังกัดของเกษตรกรตัวเอง ก็จะไม่ได้รับจัดสรร และเมื่อลองมาดูฟากฝั่งของเอกชน ซึ่งฟาร์มเอกชน ที่เป็นเจ้าของฟาร์มด้วย และดูแลวัวด้วย ก็จะสามารถได้รับการจัดสรรนมโรงเรียน ฉะนั้นขณะนี้ทั้ง 2 ฝั่ง ถูกจัดสรร อย่างเป็นธรรม 50 – 50
“สำหรับ สหกรณ์หรือเอกชนที่คิดว่าตัวเองได้รับสิทธิ์ พอสมควรแล้ว ก็สามารถสมัครใจที่จะให้โคต้าที่ได้รับจัดสรร ไปสู่คนอื่นได้ ซึ่งในส่วนของคนที่สมัครใจแบ่งปันให้คนอื่น จะต้องทำรายงานกลับมาให้ทางคณะกรรมการนมโรงเรียนทราบด้วย และต้องพิจรณาเห็นชอบ อย่างไรก็ตามจะมีการประชุมพร้อมกันในวันพรุ่งนี้บ่าย 3 โมง เมื่อได้ข้อสรุปแล้วการจัดสรรนมโรงเรียนก็จะเสด็จน้ำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
