สืบเนื่องจากที่ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) เป็นผู้ดำเนินโครงการแพลตฟอร์มการชำระเงิน (Payment Platform) กรอบงบประมาณโครงการฯ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 95 ล้านบาท และให้หน่วยงานของรัฐและสถาบันการเงินร่วมมือกับ สพร. ในการสนับสนุนข้อมูล และร่วมกำหนดแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระยะต่อไป
ข่าวที่น่าสนใจ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สพร. ได้จัดทำโครงการพัฒนาแพลตฟอร์มการชำระเงิน (Payment Platform) ขึ้น เพื่อเป็นแพลตฟอร์มการชำระเงินกลางของประเทศไทยที่สามารถเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการทางการเงินที่หลากหลาย โดยโครงการดังกล่าวจะช่วยยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของประเทศไทย ลดต้นทุนของระบบเศรษฐกิจในภาพรวม ยกระดับศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ตลอดจนเป็นรากฐานที่สำคัญของการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลอันก่อให้เกิดประโยชน์โดยตรงต่อทุกภาคส่วน ประกอบกับการดำเนินโครงการดังกล่าวยังสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่จะยกระดับการพัฒนาพื้นฐานทางสังคมด้วยกระบวนการทำงานต่าง ๆ ของภาครัฐที่มีความโปร่งใสและเพิ่มประสิทธิภาพระบบงานภาครัฐ เพื่อให้บริการประชาชนได้อย่างรวดเร็ว
โดยมีระยะเวลาดำเนินการในระยะแรก จำนวน 160 วัน (ไม่รวมระยะเวลาการจัดซื้อจัดจ้าง) ช่วงเดือนกรกฎาคม – กันยายน 2567 จัดซื้อจัดจ้างและประชุมเชิงปฏิบัติการ เดือนกรกฎาคม – ธันวาคม 2567 ดำเนินการพัฒนาและทดสอบระบบ และเดือนตุลาคม 2567 – มีนาคม 2568 ให้บริการระบบและสนับสนุนการใช้งาน งบประมาณจำนวน 95 ล้านบาท โดย สพร. จะขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ซึ่ง ที่ประชุมคณะกรรมการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล นัดพิเศษ ครั้งที่ 5/2567 เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2567 ได้มีมติอนุมัติหลักการโครงการดังกล่าวพร้อมกรอบงบประมาณ 95 ล้านบาท ด้วยแล้ว
ล่าสุด ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ NIDA โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า Blockchain ไม่ใช่ยาสารพัดนึกนะครับ จะเอามาใช้กับ Digital wallet นี่ผมรับประกันว่าล่ม ด้วย sizing ขนาดนั้น แล้ว resource จะต้องใช้ขนาดไหน concurrency จะเกิดป่วนพร้อมกันจะขนาดไหน พังตั้งแต่ project concept
เป๋าตัง มีอยู่แล้ว ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย security ดีระดับหนึ่ง มี biometric authentication ด้วย facial recognition มีคนลงทะเบียนแล้ว 41 ล้านคน ผ่านการพัฒนามายาวนาน scalability ได้แน่นอน แทบไม่ต้องลงทุนอะไรเลย จะทำ digital wallet แจกเงินหมื่น ชาติก็ฉิบหายพอแล้ว จะมาพัฒนา super app ใช้ blockchain ที่ project concept แสนห่วยไปเพื่ออะไร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
