“นายกฯ” พร้อมแจงศาลรธน.ยันตั้งใจทำงานเพื่อปชช.พร้อมรับทุกการตรวจสอบ Top News รายงาน
ข่าวที่น่าสนใจ
จากกรณีที่ช่วงเช้าวันนี้ (23 พ.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญ ประชุมปรึกษาคดีสำคัญ กรณี 40 สว. เข้าชื่อร้องต่อ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ขอให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน ผู้ถูกร้องที่ 1 และนายพิชิต ชื่นบาน ผู้ถูกร้องที่ 2 สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) หรือไม่นั้น
โดยในช่วงเช้าที่ผ่านมา ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ของ นายกฯเศรษฐา ในต่างประเทศ พบว่า ยังคงมีท่าทีปกติ และได้ตรวจสอบ ทั้งมีการโทรศัพท์สอบถามกับคณะทำงานอย่างใกล้ชิด
ขณะที่ในเวลาต่อมา ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า เมื่อความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องที่ 2 สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (2) กรณีไม่มีเหตุที่จะต้องวินิจฉัยคดีต่อไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 51 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก (8 ต่อ 1)(ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม) มีคำสั่งไม่รับคำร้องเฉพาะส่วนของผู้ถูกร้องที่ 2 ไว้พิจารณาวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณากรณีขอให้ผู้ถูกร้องที่ 1 หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง แล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้อง ในชั้นนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก (5 ต่อ 4) (ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย นายปัญญา อุดชาชน นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม นายวิรุฬห์ แสงเทียน และนายจิรนิติ หะวานนท์) ไม่สั่งให้ผู้ถูกร้องที่ 1 หยุดปฏิบัติหน้าที่แจ้งให้คู่กรณีทราบ
ก่อนหน้านี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เคลื่อนไหว โพสต์ข้อความผ่านบัญชี x ระบุว่า พบกับ Mitsui วันนี้ครั้งที่ 2 ทางบริษัทมาอัพเดทเกี่ยวกับความตั้งใจของบริษัทที่จะลงทุนเพิ่มในสาขาชีวภาพและพลังงานสะอาด รวมถึงความคืบหน้าของโครงการใหม่ที่จะทำร่วมกับบริษัทไทย และความเป็นไปได้ในการลงทุนต่อไปในอนาคต เราคุยกันเรื่องเชื้อเพลิงชีวภาพ ทาง Mitsui ขอให้ภาครัฐเร่งดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำ Roadmap สำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพ เราก็บอกไปว่า หากเรามีการประชุมจะเสนอเขามาให้ความเห็นด้วย ซึ่งตอนนี้เขายินดีร่วมทำการศึกษาการทำพลังงานหมุนเวียนกับทางกับบริษัทไทยและภาครัฐ เพื่อปรับปรุงแผนพลังงานแห่งชาติให้สอดคล้องกับแนวโน้มการใช้พลังงานของโลกครับ
ล่าสุดเมื่อเวลา 16.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับตนเข้าใจว่ามีเวลา 15 วันและถ้าเสร็จภารกิจในช่วงเย็นนี้ ตนจะโทรศัพท์พูดคุยกับทีมกฎหมาย เพื่อที่จะดูเรื่องของเราว่า จะไปชี้แจงอย่างไร ก็เป็นธรรมดาของการเข้าสู่การเมือง เราต้องพร้อมให้มีการตรวจสอบได้ หากทางฝ่ายนิติบัญญัติหรือฝ่ายธุรการ มีความข้องใจก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารที่จะต้องไปชี้แจง ผู้สื่อข่าวถามว่าได้เห็นหัวข้อที่ทางศาลรัฐธรรมนูญต้องการให้ชี้แจงประเด็นใดหรือยังนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ยังไม่มีและผมยังไม่มีเวลา ตอนที่มติศาลรัฐธรรมนูญออกมา ก็อยู่ระหว่างการประชุม แต่ก็เป็นธรรมดาของระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้ว ก็ต้องรับฟังแต่ผมมั่นใจว่า ชี้แจงได้ ก็ต้องให้เวลาท่านในการพิจารณา ไม่อยากจะไปกดดันทางด้านศาลรัฐธรรมนูญนัก”
เมื่อถามว่า ไม่มีผลกระทบอะไรกับการปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศในขณะนี้ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มี และในระยะยาวก็ไม่มี ก็ไม่ได้ และตนเชื่อว่าไม่ได้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเรามีภารกิจอยู่แล้ว และเราก็ต้องแยกแยะให้ถูก
“เรื่องปัญหาที่บ้านเราก็ต้องแก้ไขกันไป ก็มีทีมงานที่ช่วยดูเรื่องอยู่แล้ว เป็นธรรมดาของการเข้าสู่เวทีการเมือง ความจริงก็ไม่อยากพูดว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่เป็นเรื่องที่เราต้องรับทราบ และจะต้องให้ความกระจ่างต่อสาธารณชน”นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี มั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ ทุกอย่างใช่หรือไม่ เพราะการตัดสินใจใดๆมีทีมที่ปรึกษาและมีคณะกรรมการกฤษฎีกาให้คำปรึกษาอยู่แล้ว นายกรัฐมนตรี กล่าวยอมรับว่าครับ ก็มั่นใจครับ แต่เดี๋ยวต้องดูคำถามอีกทีว่า ตรงไหนเป็นอย่างไร และเชื่อว่า คนที่ต้องตัดสินเขาต้องดูให้ดี ๆ
เมื่อถามว่า มีบางฝ่ายออกมาพูดทำนองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีบางคนบางกลุ่ม หรือสมาชิกวุฒิสมาชิกบางคนต้องการเล่นเกมต่อรองบางอย่าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ผมไม่ทราบว่าท่านต่อรองอะไร ผมไม่อยากคิดไปในแง่ลบ ท่านเองก็มีหน้าที่ของท่าน ก็ได้ยินมาเหมือนกันว่าบางคน ถ้าเกิดหมดวาระไปแล้วไม่ควรจะเสนออะไรอย่างไร แต่ผมไม่ทราบก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย ถ้าตามกฎหมายท่านยังมีสิทธิ์เสนอ ท่านก็มีสิทธิ์เสนอไป อันนี้ผมคงไม่ไปวิพากษ์วิจารณ์ เพราะกฎหมายชัดเจนอยู่แล้ว ว่าถ้าเขามีสิทธิ์เสนอก็เสนอ
แต่ถ้าไม่มีสิทธิ์เสนอก็เดี๋ยวค่อยว่ากัน แต่วันนี้ผมไม่ทราบ ส่วนเรื่องเกมการต่อรองอะไรอยู่ข้างหลัง ผมไม่อยากมองลึกไปขนาดนั้น เพราะผมเชื่อว่าทุกท่านเองมีความปรารถนาดีกับประเทศชาติ ก็อยากให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปด้วยความโปร่งใสและชอบธรรม”
เมื่อถามว่า ขณะนี้บางฝ่ายไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้น เนื่องจากเวลานี้ประเทศกำลังเดินหน้าไปด้วยดี อยากจะพูดอะไรไปถึงฝั่งคนที่มองว่า รัฐบาลยังทำไม่ถูกใจ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเชื่อว่า การที่เราเข้ามาสู่การเมือง จะทำทุกอย่างให้ถูกใจทุกคนเป็นไปได้ลำบาก แต่ขอให้มั่นใจ รัฐบาลนี้ภายใต้การนำของตน เรายึดมั่น กับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน เป็นหลัก และมีความตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนเรื่องการตรวจสอบเป็นธรรมดาอยู่แล้ว หากสื่อมวลชนสังเกต ถามตนเมื่อไหร่
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติ ตนก็พร้อมที่จะเข้าไปตอบอยู่แล้ว และให้เกียรติทางรัฐสภามาโดยตลอด ฉะนั้น เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่ เราเข้าสู่การเมืองแล้ว ต้องมีทั้งฝ่ายนิติบัญญัติฝ่ายบริหารและฝ่ายตุลาการ เราทราบดีอยู่แล้วตรงนี้ อีกทั้งยังมีองค์กรอิสระ ที่เข้ามากำกับตรวจสอบ ดูแลเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความชอบธรรม ก็อย่าไปบอกเลยว่ามีใครอยู่เบื้องหลังเบื้องหน้าอะไรโดยส่วนตัวคิดว่า เมื่อมาอย่างนี้เราก็ต้องให้ความกระจ่างกันไป
เมื่อถามว่า อนาคตหลังทำงานจะก้าวครบ 1 ปีและอีกต่อๆไปการเมืองอาจจะร้อนแรงและพุ่งเป้ามาที่ตัวนายกฯมากยิ่งขึ้นตรงนี้ท่านนายกพร้อมที่จะรับกับสถานการณ์ใช่หรือไม่นายเศรษฐากล่าวว่า” ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา ผมก็ต้องพร้อมอยู่แล้ว จะเป็นเดือนที่ 8 หรือปีที่ 1 มันก็เหมือนกันทุกวัน มีภารกิจที่ต้องทำ และมีทั้งฝ่ายที่ชอบ หรือไม่ชอบในการกระทำของเรา แต่ขอยืนยันในความตั้งใจจริง และไม่ได้ท้อถอยอะไร ตรงนี้เป็นธรรมดาอยู่แล้วครับ”
เมื่อถามว่า จะตั้งใครให้เป็นหัวหน้าคณะที่เตรียมข้อมูลทำคำชี้แจงอย่างไรหรือไม่นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังเลยเดี๋ยวต้องดูกันอีกครั้งนึง และตนเองก็ต้องไป ดูมติก่อนว่าออกมาอย่างไร 6 ต่อ 3 ให้รับเรื่อง 5 ต่อ 4 ปฏิบัติไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เดี๋ยวต้องไปดูเนื้อหากันอีกที เจ้าหน้าที่ส่งมาให้อ่านแล้วแต่ยังไม่ได้อ่านเลย
เมื่อถามว่า จะให้กำลังใจตัวเองและผู้สนับสนุนอย่างไร นายเศรษฐากล่าวว่า “สำหรับตัวผมเองคิดว่าคงไม่ต้องให้ เพราะเราอายุขนาดนี้แล้ว ผ่านวิกฤตมาเยอะ ตรงนี้ไม่มีปัญหาหรอกครับ ส่วนคนที่สนับสนุน ก็ขอให้มั่นใจว่า ผมทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ และผมเชื่อว่าคนที่ทำงานให้ผมหลายๆคน ก็ทราบดี ว่าผมทำตรงนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ และผมเชื่อว่าเราก็เป็นมืออาชีพ ต้องพร้อมที่จะตอบข้อสงสัย ใช้คำนี้ดีกว่า ไม่อยากให้คิดเป็นอื่น อย่าไปคิดให้ลึกเกินไปเลย มันไม่มีความสบายใจหรอก ผมเชื่อว่าทุกคนก็มีความปรารถนาดีกับประเทศทั้งนั้น”
เมื่อถามว่า กำลังใจสำคัญของท่านนายกรัฐมนตรีในช่วงเวลานี้คืออะไร นายเศรษฐากล่าวว่า กำลังใจสำคัญของผมในช่วงเวลานี้คือ ถ้าเกิดมาอยู่ตรงนี้แล้ว ผมคิดว่าคงไม่ต้องการกำลังใจหรอก การที่เราเข้ามาสู่เวทีการเมือง ผ่านการเลือกตั้งที่ชอบทำ ผ่านการตั้งรัฐบาล 3 เดือน มาอยู่ในที่นี้ประมาณ 8-9 เดือนแล้ว ผมเชื่อว่าเห็นถึงความเดือดร้อนกันอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าจะคบกำหนด 15 วันแล้วมีการตัดสิน หรือมีการพิจารณาอีก ในทุกๆวันมีความหมาย ทุกคนก็ทุกวันทุกคนมีความเดือดร้อนอยู่แล้ว ในเรื่องโครงการทั้งหลาย หรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เชื่อว่าทุกเรื่อง เป็นหน้าที่ที่ตนต้องทำอยู่แล้ว ปัญหาที่เข้ามาไม่ว่าจะเป็นปัญหาส่วนตัว
หรือปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เราต้องเป็นผู้ใหญ่พอ ที่ต้องแบ่งแยกให้ถูก ในการแก้ไขปัญหาซึ่งก็มีทีมแก้ไขปัญหา และเข้าไปชี้แจง ก็ทำได้ และวันพรุ่งนี้ก็มีภารกิจ และเสาร์อาทิตย์นี้เมื่อกลับไปก็มีภารกิจจัดเต็มอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงวิธีความคิด ไม่ได้ต้องการกำลังใจพิเศษจากใครใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งผมสามารถที่จะ Switch On and Off ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น