ข่าวที่น่าสนใจ
แม้ระดับ “นายกฯน้อย” หมอพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี การันตีหนักแน่นว่ากระบวนการแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” อดีตรัฐมนตรีมือกฎหมายรัฐบาลที่ยอมพลีชีพชิงลาออกเพื่อปกป้อง “นายกฯเศรษฐา” ทำถูกต้องแล้ว แต่ก็ปฏิเสธยากว่านี่คือ ต้นเหตุที่อาจทำให้ “นายกฯเศรษฐา” อาจต้องมาตายน้ำตื้น ดังนั้นนับจากนี้ไปรัฐบาลต้องเกณฑ์เซียนกฎหมาย มีเท่าไรขนมาให้หมด เพื่อชี้แจงให้ศาลรัฐธรรมนูญหายข้องใจว่าการแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ซ้ำรอยอดีตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องกระเด็นตกเก้าอี้มาแล้ว ถึง 2 คน นั้นคือ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ปมย้ายเอื้อญาติ และ “สมัคร สุนทรเวช” ปมชิมไปบ่นไป ที่ในวงการการเมืองเรียกปรากฎการณ์ดังกล่าวว่า “ตุลาการภิวัฒน์” แก้ปัญหาข้อขัดแย้งทางการเมือง
วันนี้ “นายกฯเศรษฐา” จึงเดินมาสู่ทาง 2 แพร่ง คือ 1.ชอบด้วยกฎหมาย นั้นคือ ผ่านฉลุยได้ไปต่อในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และ 2.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลต่อเก้าอี้นายกรัฐมนตรีไม่ได้ไปต่อ เพราะฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม ขัดต่อรัฐธรรมนูญขาดคุณสมบัติการเป็นนายกฯ ย่อมต้องหลุดเก้าอี้ เป็นการสะดุดขาตัวเองกับเรื่องง่าย ๆ อย่าลืมว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 ต้องการร่อนตะแกรงคัดตัวคนดีเข้าสู่การเมืองจึงมีกฎหมายดังกล่าวขึ้นมา ดังนั้นต่อไปยังจะมีนักร้องยื่นให้ตรวจสอบนักการเมืองออกมาเรื่อย ๆ กรณีของ “นายกฯเศรษฐา” แค่หนังตัวอย่าง
แม้ในทางการเมืองพากันทุบโต๊ะว่าปฏิบัติการ 40 สว. ต้องการตีวัวกระทบคราดเพื่อให้ “นายใหญ่เพื่อไทย” เบาได้เบา อย่าทำอะไรล้ำเส้นจนเกินไปโดยเฉพาะอย่าทำอะไรไปกระทบหลักการกระบวนการยุติธรรม หรือ ควรลดบทบาททางการเมืองของตัวเองลงบ้างอย่าทำอะไรเกินงาม ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นมาจริง ๆ คอการเมืองเชื่อกันว่าคงไม่มีเหตุการณ์ส้มหล่นมาถึง “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยังไงเก้าอี้แห่งอำนาจนายกรัฐมนตรี ยังอยู่ในอุ้งมือของ “พรรคเพื่อไทย” นั้นคือ “ชัยเกษม นิติสิริ” หรือไม่ก็ “อุ๊งอิ๊ง” แพรทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนถัดไป ไม่มีทางที่จะยกเก้าอี้แห่งอำนาจให้พรรคอื่นเพราะพรรคเพื่อไทยมีแต้มต่อและความเหนือชั้นในเกมการเมืองยังคงร่วมรัฐบาลสลายขั้วตามเดิมไม่มีเปลี่ยน
แต่หากมองข้ามช็อตเกิดเกมพลิกล็อค “สลับขั้วการเมือง” ขึ้นมาไปจับขั้วกับ “พรรคก้าวไกล” มีความเป็นไปได้หรือไม่นั้น เพราะในทางการเมืองหากจับพิรุธและปะติดปะต่อเรื่องราวดูดี ๆ “พรรคก้าวไกล” แทบจะไม่แตะ “นายใหญ่พรรคเพื่อไทย” เพราะในทางการเมืองรู้กันทั่วว่า “พรรคก้าวไกล” ติดกับดักตัวเองที่หมกมุ่นแก้มาตรา 112 จนนำไปสู่รอวันชะตาขาดยุบพรรคคดีล้มล้างการปกครอง คาดหมายกันว่าไม่เกิน 2 เดือนหลังจากนี้ นี่คือเหตุผลทำให้ไม่มีเพื่อนคบในรัฐสภา ไม่สามารถหาเสียงข้างมากมาฟอร์มรัฐบาลผสมที่มาจากหลากหลายพรรคได้ ยิ่งกติใหม่ไม่จำเป็นต้องมีเสียง “สว.” มาร่วมโหวตนายกรัฐมนตรีเข้าด้วยแล้ว “พรรคก้าวไกล” ต้องพึ่งพรรคเพื่อไทยสถานเดียว!
จึงได้เห็นอาการให้ท่าทอดสะพานของ “พรรคก้าวไกล” อยู่เนือย ๆ เช่น ล่าสุด “ก้าวไกล” ยิงอีเว้นท์การเมือง 10 ปีรัฐประหาร 57 ในหัวข้อ ประยุทธ์ออกไป ระบอบประยุทธ์ยังอยู่ ชู 3 วาระ รื้อมรดก “คสช.” ระดับบิ๊กเนมก้าวไกล ออกมาออดอ้อน พรรคเพื่อไทยให้การสนับสนุน พร้อมเล่นมุกเดิม ๆ ประดิษฐ์วาทกรรมเก่า ๆ ที่เคยถล่มรัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาตีกินการเมือง “เผด็จการ คสช.” หรือยังมีอาการหลอน “ระบอบประยุทธ์” แต่เงียบปากไม่พูดถึง “ระบอบทักษิณ” ที่กำลังคืนชีพ อย่างกรณี โครงการรับจำนำข้าว ที่เต็มไปด้วยเรื่องทุจริตอื้อฉาว กลับกลายเป็นว่า บิ๊กเนมพรรคก้าวไกล “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ออกมาปกป้องหน้าตาเฉย
หรือ การที่ “พรรคก้าวไกล” ต้องการเข็นกฎหมายนิรโทษกรรมเหมาเข่งล้างผิดคดี 112 เพราะระดับแกนนำตัวเป้งของพรรคส้ม จ่อติดคุกหัวโตกันระนาว จากการกระทำผิดมาตรา 112 จึงไม่แปลกทำไม “พรรคก้าวไกล” ถึงส่งสัญญาณขอญาติดีกับพรรคเพื่อไทย พร้อมรอเสียบร่วมรัฐบาลใจแทบขาดใช่หรือไม่ ส่วน “พรรคเพื่อไทย” จะเล่นด้วยหรือไม่นั้น ตอบยาก ต้องรอดูผลคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญออกมาก่อนว่า “นายกฯเศรษฐา” รอดหรือร่วง? แล้วเกมการเมืองจะพลิกล็อคสลับขั้ว หรือ ขั้วเดิม ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ นายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้าเท่านั้นให้คำตอบได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
