ข่าวที่น่าสนใจ
เป็นเหตุให้บรรดาเซียนการเมือออกมาช่วยรุมฟันธงให้ อาทิ “ประพันธ์ คูณมี” หนึ่งใน 40 สว.ที่ยื่นเรื่องสอย “นายกฯเศรษฐา” เพราะตั้งคนมีมลทินขึ้นทูลเกล้าฯ ขัดจริยธรรม สวมบทหมอดูชี้ชะตาล่วงหน้าว่า เปอร์เซ็นต์รอดยากนับถอยหลังไม่เกิน 3 เดือนได้รู้ดำรู้แดง ผลออกมาใน 2 ทางเท่านั้น คือ 1.นายกฯตกเก้าอี้ต้องสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่จากที่ประชุมรัฐสภา หรือ 2.ดวงเฮง! ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง “นายกฯเศรษฐา” รอดตัวไป ดังนั้นขณะนี้ รัฐบาลอยู่ในภาวะความเสี่ยงขั้นสุด
ไม่ต่างจากเซียนการเมืองอย่าง “เทพไท เสนพงษ์” อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช มองข้ามสเต็ปไปไกลกว่านั้น คือ ฝ่ายพรรคอนุรักษ์นิยม ยังแนบแน่นกันดีอยู่หรือไม่ หาก “นายกฯเศรษฐา” ตกเก้าอี้กลางอากาศ หรือ จะแตกหักทางการเมืองกันแล้วหรือยัง? “เทพไท” สวมบทโหรการเมืองทำนายว่า
ดีลลับกลับบ้าน ระหว่างผู้นำสูงสุดเพื่อไทยกับฝ่ายอนุรักษ์นิยมใหม่ ไม่น่าจะเชื่อมโยงกับ “ตุลาการภิวัฒน์” ที่ต้องการเขี่ย “นายกฯเศรษฐา” ปลิวตกเก้าอี้ เพราะทั้งสองฝ่าย ไม่พร้อมแตกหักกัน “ฝ่ายระบอบทักษิณ” ยังไม่มีตัวตายตัวแทนขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน “นายกฯเศรษฐา” และ ไม่ยอมยกอำนาจนายกรัฐมนตรีให้กับพรรคการเมืองอื่น หรือ ไม่พร้อมจะเป็นศัตรูกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม ซึ่งเคยได้รับบทเรียนอันแสนเจ็บปวดมาแล้วว่า เมื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มอนุรักษ์นิยมมีแต่เจ็บตัว
และฝ่ายอนุรักษ์นิยมก็ไม่มีตัวตายตัวแทนของฝ่ายตน จำใจต้องใช้บริการ “ผู้นำสูงสุดเพื่อไทย” ไปพลางก่อน เพื่อต่อกรกับ “พรรคก้าวไกล” ดีกว่าปล่อยให้ “พรรคก้าวไกล” เป็นรัฐบาล จึงยังจำเป็นต้องสามัคคีกันต่อไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งครั้งหน้า หรือจนกว่า “ฝ่ายอนุรักษ์นิยม” มีผู้นำทางการเมืองโดดเด่นเป็นที่ยอมรับของประชาชน พอจะสู้กับตัวผู้นำของ “พรรคก้าวไกล” ได้ สรุปคือ ทั้งสองฝ่ายยังหนุน “นายกฯเศรษฐา” ให้ไปต่อ ยกเว้นเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองแบบไม่คาดฝัน จู่ ๆ ศาลรัฐธรรมนูญ ให้ “เศรษฐา” พ้นตำแหน่ง ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายต้องมาทบทวนดีลการเมืองกันใหม่
จริงเท็จประการใดตามที่ 1ใน 40 สว. ฟันธง หรือ คอการเมืองวิเคราะห์ ต้องใช้วิจารณาณในการรับชมอย่างสูง
นั้นแค่มรสุมลูกแรกที่ “นายกฯเศรษฐา” ต้องฝ่าไปให้ได้ ยังไม่นับรวมถึง มรสุมทางเศรษฐกิจที่กำลังถาโถม เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณร้ายทางเศรษฐกิจเริ่มตั้งเค้า “นายกฯเศรษฐา” ภายหลังรู้ตัวเลขทางเศรษฐกิจออกมาขี้เหร่ ทำ “นายกฯเศรษฐา” นั่งไม่ติดเก้าอี้ นัดเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจด่วนในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้ จับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นจะทะลักออกมาไม่ขาดสายอย่างแน่นอน เพื่อกระชากกำลังซื้อดูแลปัญหาสินค้าราคาแพงหรือค่าครองชีพที่สูงขึ้น
มรสุมอีกระลอกที่รัฐบาลต้องเตรียมการรับมือ เพราะใกล้ดีเดย์ 1 ตุลาคม ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 400 บาท คือ หนึ่งในนโยบาย “เรือธง” ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แม้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงต้องการกระชากไปให้ถึงวันละ 600 บาทก็ตาม แต่ตั้งเงื่อนไขไว้ที่ภายใน 4 ปีข้างหน้า แต่เฉพาะหน้า ณ เวลานี้ ขอแค่วันละ 400 บาท แต่การขึ้นค่าแรกรอบนี้ เกิดกระแสต่อต้านสูงมากจากภาคเอกชน หรือ ฝ่ายนายจ้าง ข่าวว่าเริ่มก่อหวอดหากขึ้นจริง อาจมีการฟ้องศาลเพื่อให้แตะเบรกขึ้นค่าแรง เพราะฝ่ายนายจ้างเห็นว่า ควรใช้กลไกคณะกรรมการ “ไตรภาคี” ที่ประกอบด้วย ฝ่ายรัฐบาล ลูกจ้าง และนายจ้าง หวั่นเกรงว่าจะกระทบเศรษฐกิจในภาพรวม ดังนั้นต้องจับตาว่า 1 ตุลาคมนี้ “ทยอยปรับ” หรือ “ปรับขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ” เพราะผู้ใช้แรงงาน 30 กว่าล้านคนตั้งตารอแล้วว่า จะปรับขึ้นพร้อมกันทุกจังหวัด แต่หากเป็นการทยอยปรับบางจังหวัด รัฐบาลจะถูกโจมตีได้ว่า นโยบายไม่ตรงปก ทำไม่ได้ตามที่ประกาศเอาไว้
ไม่ต่างจากอีกมรสุมทางการเมืองอีกลูกที่รอวันถาโถมเข้าใจ นั้นคือ นิรโทษกรรมเหมาเข่งล้างผิดคดี 112 ขณะนี้เกิดความขัดแย้งกันระหว่าง 2 ขั้วความคิดที่เห็นต่างกัน ระหว่างกลุ่มปกป้องสถาบัน ประกอบด้วย กลุ่มอาชีวะราชภักดี กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน กลุ่มประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน ตบเท้ายื่นหนังสือกดันคณะกรรมาธิการ วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม เพื่อคัดค้านนิรโทษกรรมเหมาเข่งล้างผิดฟอกขาวคดี 112 ที่นำเสนอโดย “กลุ่มทะลุฟ้า”ที่มี ” รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล” และ “มายส์” ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล” เป็นแกนนำ เพราะเห็นว่าเป็น ความผิดตามมาตรา112 เป็นความผิดอาญาและความมั่นคง ขอให้ไปต่อสู้กันในศาลตามกระบวนการยุติธรรม อย่าทำความผิดแล้วมาขออภัยโทษ หรือ นิรโทษกรรมคดีทางการเมือง พร้อมกับกระแทกไปยัง “ผู้ใหญ่” ที่ให้ท้ายอยู่เบื้องหลังมุดอยู่ใต้กระโปรงเด็กสั่งให้เด็กออกไปทำผิดกฎหมาย คนพวกนี้คือคนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากการนิรโทษกรรมมาตรา112 ขอให้ย้อนกลับไปดูว่าใครมีคดีมาตรานี้ติดตัวอยู่บ้าง
ขณะที่ก่อนหน้านี้ “กลุ่มทะลุฟ้า” บุกไปกดดันให้รัฐบาลให้บรรจุคดี 112 เป็นคดีการเมืองคืนสิทธิการประกันตัวให้ผู้ต้องขังทุกคน โดยมี “รังสิมันต์ โรม” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานกรรมาธิการ ออกมาเด้งรับลูกข้อเรียกร้อง ขณะที่ตัวแทนรัฐบาลได้แต่แบ่งรับแบ่งสู้ การนิรโทษกรรมในคดีมาตรา 112 ได้ถูกบรรจุในชั้นกรรมาธิการ ไม่ได้ตัดออกไป เพียงแต่ขณะนี้อยู่ในระหว่างการปรึกษาหารือถึงข้อดีข้อเสีย
ไล่ตั้งแต่ชะตากรรม “นายกฯเศรษฐา” ไต่บนเส้นลวด มรสุมทางการเศรษฐกิจถาโถมตัวเลข จีดีพีออกมาขี้เหร่ ขึ้นค่าแรง 400 ภาคเอกชนหวาดผวาจะซ้ำเติมเศรษฐกิจ หรือ นิรโทษกรรมล้างผิดคดี 112 บีบ”รัฐบาล“จนหน้าเขียวให้ยอมรับในข้อเสนอของฝ่ายตน “รัฐบาลเศรษฐา” จะโต้คลื่นมรสุมทางการเมืองและเศรษฐกิจ รอดูอย่ากระพริบตา รัฐบาลเอาอยู่ หรือ เซถลา?
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
