คนดังพาเหรดลง “สว.” ฝ่าด่านหิน “เลือกกันเอง” ทะลวงด่านโหด “เลือกไขว้” ชิง 200 “อรหันต์” กุมอำนาจสภาสูง

คนดังต่อมาเป็น “จักรพันธุ์ ยมจินดา” พิธีกรรายการข่าวชื่อดังตบเท้ามาสมัครด้วย อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ คนดังประกาศตัวลงรับสมัคร สว.กันตั้งแต่ก่อนที่ “กกต.” จะตั้งโต๊ะเปิดรับสมัคร อาทิ นารากร ติยายน ผู้ประกาศข่าว, ภาคภูมิ เดชหัสดิน (หมอแล็บแพนด้า), จีรนุช เปรมชัยพร อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวประชาไท, ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ อดีตคณบดีคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ ประภาส ปิ่นตบแต่ง อดีตอาจารย์และผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึง รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก เป็นทั้งอาจารย์และนักวิจารณ์การเมืองตัวยง

อีกคนที่น่าจับตา “แล ดิลกวิทยรัตน์” กูรูแรงงาน เคยเป็นที่ปรึกษาด้านนโยบายแรงงานในสมัยที่ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นกุนซือให้กับหลายสหภาพแรงงาน แม้กระทั่งในปัจจุบันยังเดินสายบรรยายองค์ความรู้ ถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับสหภาพแรงงานต่างๆ ทั้งความรู้และประสบการณ์ครบเครื่อง จับตาอาจได้เข้าเส้นชัยไปเป็นโทรโข่งให้กับผู้ใช้แรงงานก็เป็นได้

ต่อมาเป็นคนข่าวชื่อดัง “นารากร ติยายน” คนจังหวัดเชียงใหม่ เริ่มต้นเส้นทางนักข่าวจากสถานีโทรทัศน์ไอทีวี ต่อมาไปอยู่ที่ไทยทีวีสีช่อง 3 และเป็นผู้ดำเนินรายการ ในหลายรายการโดยเฉพาะ “รายการเจาะใจ” ที่ทำให้เธอดังพลุแตก เคยเป็นผู้ประกาศข่าวช่อง 7 สี รองผู้อำนวยการฝ่ายข่าว บริษัท มีเดียส์ สตูดิโอ จำกัด รวมทั้งเคยเป็นผู้ประกาศข่าวและผู้อำนวยการฝ่ายข่าวของช่องวัน 31 หากเข้าวินเป็น สว.คงมาเป็นกระบอกเสียงให้กับคนข่าว

อีกคนดังในแวดวงเอ็นจีโอ นั้นคือ “ประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ” เป็นนักการเมืองเคยดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร โด่งดังมาจากการทำงานสังคม ช่วยเหลือเด็กยากไร้ภายในชุมชนแออัดคลองเตย, ผู้ก่อตั้งมูลนิธิดวงประทีป มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม และ เป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนชุมชนหมู่บ้านพัฒนา คลองเตย

อีกคนที่น่าจับตา “พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล” อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บิ๊กนายพลตำรวจชื่อดัง ที่มีแววเข้าวินสูง ในวงการยุทธจักรสีกากีกระซิบว่า ซี้ปึ้ก “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร.และ “บิ๊กโจ๊ก”พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เคยทำสำนวนไขคดีดังมาแล้วมากมาย

ปิดท้าย “พลตรี นายแพทย์ เหรียญทอง แน่นหนา” หรือ “หมอเหรียญทอง” ในอดีตเคยรับราชการทหาร โดยตำแหน่งสุดท้ายคือผู้อำนวยการกองยุทธการทหารบก ก่อนจะลาออกในปี 2550 เพื่อมาดูแลธุรกิจโรงพยาบาลต่อจากพี่สาวที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งและเข้ามาบริหารโรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะ ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว โดยเป็นลูกชายคนเดียวในจำนวนพี่น้อง 10 คน “หมอเหรียญทอง” เกิดและเติบโตจากย่านหัวลำโพงดงนักเลงในอดีต โดยพ่อทำธุรกิจขนส่งและมีลูกน้องมากมาย

ทั้งนี้หมอเหรียญทอง ยังเคยได้โพสต์ประวัติส่วนตัวและบอกเล่าอุปนิสัยของตนเองผ่านเฟซบุ๊ก “เหรียญทอง แน่นหนา” เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา ระบุว่า ผมเป็นคนมีลักษณะอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ลักษณะของผมอย่างนี้แหละครับที่จะทำให้ ‘กองทัพประชาชนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์‘ เข้มแข็ง