อ่านเกมการเมือง "ทักษิณ" เทียบเชิญ "สุวัจน์" ควบรวมพรรคดันเป็น "แม่ทัพอีสาน" ดับยโส "ก้าวไกล" ต่อกร "ภูมิใจไทย" ยืมมันสมองเข็นนโยบายเรือธง Soft Power จับตาแลกเก้าอี้ "รมต." อะไรเป็นของกำนัล
ข่าวที่น่าสนใจ
“ทักษิณ” ดึง “สุวัจน์” แม่ทัพอีสานจะชนะ “ก้าวไกล-ภท.” สนามอีสานชี้ขาด!
ยิ่งได้เห็นการเยือนเมืองโคราชคุยการเมืองของ “ทักษิณ” โชว์แสนยานุภาพซุเปอร์ดีลชวน “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” มาร่วมเสริมเขี้ยวเล็บพรรคเพื่อไทย ในยุทธจักรการเมืองรู้กิตติศัพท์ “สุวัจน์” ดีว่าเป็นนักการเมืองรุ่นเก่า แต่เก๋าเกมการเมืองระดับเซียนเหยียบเมฆได้ร่วมรัฐบาลทุกครั้ง โปรไฟล์การเมือง “สุวัจน์” เป็นศิษย์ก้นกุฏิ “น้าชาติ” “พล.อ.ชาติชาย ชุณหวัณ” อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ในฐานะนักเลือกตั้ง ต้องยอมรับว่า “สุวัจน์” เสื่อมมนต์ขลังไปมาก สนามบ้านเกิดที่ “โคราช” การเลือกตั้งปี 2566 ขับเคี่ยวกัน 3 บ้านใหญ่
นั้นคือ “กลุ่มพรรคเพื่อไทย” นำโดย “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ถือเป็นลูกหม้อพรรคตัวจริง , กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มโรงแป้งมันเอี่ยมเฮง นำโดย “วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล” ย้ายจากพรรคภูมิใจไทยมา “พรรคเพื่อไทย” ทั้งสองกลุ่มกวาด สส.เกือบยกจังหวัดมีขุมกำลัง สส.ในกำมือล็อตใหญ่ ทั้ง “ประเสริฐ จันทรวงทอง” และ “วีรศักดิ์” ต่างได้โควตารัฐมนตรีไปครองเป็นของกำนัล
ขณะที่ กลุ่มบ้านใหญ่ “พรรคชาติพัฒนากล้า” นำโดย “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” แทบสูญพันธุ์! แม้การเลือกตั้งที่แล้วจะงัดกลยุทธใหม่เข้าสู้ คว้าตัว “กรณ์ จาติกวณิช” จาก “พรรคกล้า” มาร่วมงาน เป็นหัวหน้าพรรค และมีน้องชาย “เทวัญ ลิปพัลลภ” เป็นเลขาธิการพรรค งัดจุดเด่น “กรณ์” อดีตขุนคลังระดับหัวกะทิ ชูนโยบายแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องแต่ก็ไปไม่รอด “พรรคเพื่อไทย” กวาดไป 12 ที่นั่ง แบ่งให้ “พรรคก้าวไกล” และ “พรรคภูมิใจไทย” อย่างละ 1 ที่นั่ง จากเดิม “ชาติพัฒนา” เคยยิ่งใหญ่ชนะยกจังหวัดทุกครั้งแต่มารอบนี้แพ้คาบ้าน
ปิดหีบนับคะแนนทั้งประเทศ “พรรคชาติพัฒนากล้า” ได้ สส.มาเพียง 2 คน นั้นคือ “หมอวรรณรัตน์ ชาญนุกูล” และ “ประสาท ตันประเสริฐ” สส.นครสวรรค์ หลังจากนั้นแยกทางกับ “กรณ์” กลับไปใช้ชื่อเดิม คือ “พรรคชาติพัฒนา” จนต่อมาอ้าแขนรับสส.ฉาว “วุฒิพงศ์ ทองเหลา” ส.ส.ปราจีนบุรี ที่ถูกขับออกจาก “พรรคก้าวไกล” เพราะมีคดีคุกคามทางเพศ กลายเป็น “สุวัจน์” มี สส.ที่เป็นขุมกำลังในมือถึง 3 คน
หากย้อนอดีตเมื่อปี 2547 “ทักษิณ” เคยดูด “พรรคชาติพัฒนา” ของ “สุวัจน์” มาควบรวมกับ “พรรคไทยรักไทย” ในยุคนั้น ร่วมเป็นรัฐบาลทักษิณมาแล้วครั้งหนึ่ง หลังทหารปฏิวัติยึดอำนาจ ปี 2549 “ทักษิณ” ต้องพเนจรอยู่ต่างแดน ขณะที่ “สุวัจน์” ไปตามทางตัวเองออกไปปัดฝุ่นตั้งพรรคเก่าขึ้นมาใหม่ จากนั้นจึงเริ่มถดถอยจนเลือกตั้งที่ผ่านมา แพ้บ้านใหญ่เพื่อไทย พ่ายกระแส “ก้าวไกล” และปราชัยให้กับ “พรรคภูมิใจไทย”
ในทางการเมืองนายใหญ่เพื่อไทย มองเกมขาดว่า หากต้องการยึด “โคราช” แบบเบ็ดเสร็จจาก “พรรคก้าวไกล” คู่แข่งตัวฉกาจในสนามการเลือกตั้งครั้งหน้า หรือ “พรรคภูมิใจไทย” คู่ปรับสูสีก้างขวางคอในสนามการเมืองภาคอีสาน ที่มี “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรค โดยมี “เนวิน ชิดชอบ” ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มันสมองวางยุทธศาสตร์การเมืองที่มีลูกเล่นแพรวพราวระดับเซียนเหนือเมฆสามารถปักธงชัยชนะในบ้านใหญ่ “บุรีรัมย์” และ ภาคอีสานได้ สส.มาเป็นอันดับ 2 ตามจี้ตูด “พรรคเพื่อไทย” มาติด ๆ จำต้องเสริมเขี้ยวเล็บด้วยการ ดึง “สุวัจน์” มาร่วมทัพ
จับตา “ทักษิณ” ใช้บริการ “สุวัจน์” ดันนโยบายเรือธง Soft Power แลกเก้าอี้ “รมต.”อะไรเป็นของกำนัล
จึงอาจเป็นไปได้ว่า “ทักษิณ” จึงต้องคว้าตัว “สุวัจน์” มาร่วมเป็น “แม่ทัพภาคอีสาน” ให้ได้ เพราะแท้จริงฐานที่มั่นสำคัญของ “พรรคเพื่อไทย” คือ อีสาน สนามชี้ขาด ว่า “ทักษิณ” ชนะพรรคค่ายเสื้อส้ม หรือไม่ เพราะการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” นายกฯโพลแห่งพรรคก้าวไกล ชื่อ “พิธา” ติดอันดับ 1 ของโพลในภาคอีสานทุกสำนัก แต่เอาเข้าจริง “พรรคก้าวไกล” ได้สส.มาแค่หยิบมือ 7 คน ที่เหลือ 133 ที่นั่ง เสร็จ “พรรคเพื่อไทย” ฟาดไป 73 ที่นั่ง แต่ครั้งหน้าในหัวสมอง “นายใหญ่” ต้องฟาดเรียบยกภาค
เพราะในสนามอีสาน “พรรคภูมิใจไทย” จ้องตาเป็นมันที่จะกวาด สส.กันมาให้ได้มากที่สุดเหมือนกัน ซึ่งพรรคค่ายเสื้อน้ำเงิน ได้สส.มากลุ่มใหญ่ 35 ที่นั่ง หรือแม้แต่พรรคน้องใหม่ที่เพิ่งแจ้งเกิด นั้นคือ “พรรคไทยสร้างไทย” ของ คุณหญิงหน่อย สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจาะยาง “เพื่อไทย” กวาด สส.มาได้ถึง 5 คน
และอาจเป็นไปได้เช่นกันว่า สนามที่ 2 ที่จะชี้ขาดชัยชนะพรรคค่ายเสื้อส้มได้ คือ “ภูเก็ต” เพราะจังหวัดนี้ “พรรคก้าวไกล” ฟาดเรียบยกจังหวัด จึงไม่แปลกได้เห็นทริป “สุวัจน์” ควง “ทักษิณ” คุยการเมืองกลางเมืองภูเก็ต ในทางการเมือง “เพือ่ไทย” หมายตาสนามเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ นายกอบจ.ที่กำลังใกล้ระเบิดศึกในช่วงปลายปีนี้
และคงหมั่นไส้ที่เห็น “ก้าวไกล” ประกาศพร้อมรบเปิดชื่อ “หมอเลอศักดิ์ ลีนะนิธิกุล” โหมโรงแคมแปญเลือกตั้งก่อนใครเพื่อน ส่วนผู้ท้าชิงจาก “เพื่อไทย” คาดเดากันว่า น่าจะเป็น “หมอประสิทธิ์ โกยศิริพงศ์” อดีตนายก อบจ.ภูเก็ต ในฐานะประธานโซนภาคใต้ฝั่งอันดามัน พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่แค่ “ภูเก็ต” แต่หมายตาไปถึง กระบี่ , ตรัง และ สงขลา สนามเลือกตั้งที่ “ภูมิใจไทย” ตอกเสาเข็ม เจาะพื้นที่ปักษ์ใต้เข้าและเป็นเจ้าถิ่นอยู่ในขณะนี้
ขณะเดียวกันอาจมองข้ามช็อตไปถึง การได้ทีมงานคนรุ่นใหม่ของ “สุวัจน์” ที่ไปวางเครือข่ายไว้แล้วในจังหวัดภูเก็ตเมื่อช่วงการเลือกตั้งที่ผ่านมา มาเสริมทัพอีกชั้นหนึ่งก็เป็นได้ ดังนั้นสมรภูมิท้องถิ่นชิงเก้าอี้นายกอบจ.ที่กำลังจะระเบิดกันรอมร่อ ถือเป็นสนามแรกก่อนไปสู่สนามใหญ่เลือกตั้ง สส.ในอีก 3 ปีข้างหน้า
แม้ “สุวัจน์” ในฐานะนักเลือกตั้งอาจไม่ปังจนมีขุมกำลังในมือมาพอจะต่อรองเก้าอี้ตัวใหญ่ ๆ ได้ แต่ดีกรีอดีตรองนายกฯ หรือ รัฐมนตรีหลายสมัย เป็นถึงนักธุรกิจใหญ่ประสบการณ์โชกโชนทางเศรษฐกิจ ยิ่งก่อนหน้านี้ “สุวัจน์” เคยประกาศนโยบายเร่งเครื่องเศรษฐกิจ ด้วยอาหารไทย วัฒนธรรมไทย ท่องเที่ยวไทย และ Soft Power ซึ่ง “สุวัจน์” เป็นถึงบิ๊กสปอนเซอร์ใหญ่จัดมวย “ไทยไฟท์” ดัน Soft Power มวยไทยดังกระฉ่อนโลก ผลงานคงเตะตา “ทักษิณ” เพราะเป็นหนึ่งในนโยบายเรือธง “เพื่อไทย” ที่หมายจะทำให้สำเร็จ “ทักษิณ” จึงเทียบเชิญมาร่วมชายคาเดียวกันในพรรคเพื่อไทย และ อาจเลือกใช้บริการ “สุวัจน์” ดันนโยบายเรือธง “เพื่อไทย” ให้แล่นฉิวก็เป็นได้ใครจะไปรู้
ในทางการเมืองจึงพนันกันว่า “ทักษิณ” ดึง “สุวัจน์” เข้า “เพื่อไทย” เทียบเชิญเป็นแม่ทัพใหญ่ภาคอีสาน สนามชี้ขาด ว่า “เพื่อไทย” ชนะพรรคก้าวไกล หรือไม่ พร้อมยืมมือและมันสมองระดับหัวกระทิ เซียนการเมืองเหยียบเมฆ มาช่วยเข็นนโยบายเรือธงSoft Power ก็เป็นไปได้สูง รอดูว่า หากพรรค “สุวัจน์” ควบรวม “เพื่อไทย” จริง นายใหญ่เพื่อไทยจะประเคนเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี หรือ รัฐมนตรีกระทรวงใดให้ “สุวัจน์” เป็นของกำนัล ?
ข่าวที่เกี่ยวข้อง