ปิดฉาก 10 ปีแห่งการต่อสู้ คดี 4 แกนนำ "กปปส." ขวางเลือกตั้งขับไล่รัฐบาล "ยิ่งลักษณ์" ศาลฎีกาจำคุก "สนธิญาณ" 8 เดือนแต่ให้รอลงอาญา 2 ปี ส่วน 3 กปปส."สกลธี - สมบัติ - ดร.เสรี" พ้นมลทินพิพากษายืนตาม "ศาลอุทธรณ์"
ข่าวที่น่าสนใจ
เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ, กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใดที่ไม่ใช่การกระทำในความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือความไม่สงบในราชอาณาจักรฯ, อั้งยี่, ซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ, เจ้าพนักงานสั่งให้เลิกการกระทำนั้นแต่ไม่เลิก, ยุยงให้ร่วมกันหยุดงาน การร่วมกันปิดงานงดจ้างเพื่อบังคับรัฐบาล, ร่วมกันบุกรุก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 116, 117, 209, 210, 215, 362, 364, 365 และร่วมกันขัดขวางเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง, ร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติงานของ กกต. ความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 มาตรา 76, 152 รวม 8 ข้อหา
โดยคดีสำนวนแรกนี้ อัยการยื่นฟ้องตั้งแต่ปี 2557 กรณีสืบเนื่องจากการร่วมชุมนุมกันของ กปปส.ที่มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้นำการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 23 พ.ย.56-1 พ.ค.57 ซึ่งมีการพาผู้ชุมนุมบุกรุกปิดสถานที่ราชการหลายแห่ง รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง ซึ่งท้ายคำฟ้องอัยการโจทก์ยังได้ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยด้วยมีกำหนด 5 ปี ขณะที่จำเลยทั้ง 4 รายให้การปฏิเสธทุกข้อหา พร้อมตั้งทนายความสู้คดี ระหว่างพิจารณาคดีจำเลยทั้ง 4 ก็ได้รับการปล่อยชั่วคราว ซึ่งคดีเริ่มสืบพยานตั้งแต่ปี 2558-2562 คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 25 ก.ค.62
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า นายสนธิญาณได้กระทำความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว. กรณีร่วมกับ นายสำราญ รอดเพชร ขัดขวางการเลือกตั้งล่วงหน้าที่โรงเรียนสุโขทัย เขตดุสิต ให้จำคุก 1 ปี คำให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณารถโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 8 เดือน ไม่รอลงอาญา รวมถึงมีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี ส่วนจำเลยที่ 2-4 โจทก์ไม่ได้ร่วมนำสืบว่าได้ร่วมพยานหลักฐานไปขัดขวางการเลือกตั้ง อีกทั้งไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าจำเลยที่ 2-4 ไม่ได้ร่วมขัดขวางการเลือกตั้ง ส่วนอุทธรณ์โจทก์ข้ออื่นไม่เป็นสาระสำคัญ ที่แก้เฉพาะจำเลยที่ 1 นอกนั้นให้เป็นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
สำหรับวันนี้มีประเด็นเฉพาะฎีกาจำเลยที่ 1 นายสนธิญาณ ศาลฎีกาพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกนายสนธิญาณ 8 เดือน แต่พิจารณาเล้วเห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายมาก ไม่เคยรับโทษมาก่อนประกอบอาชีพเป็นสื่อมวลชน เห็นควรให้ประกอบอาชีพไปรับใช้สังคม การลงโทษจำคุกระยะสั้นไม่เกิดประโยชน์ แต่เพื่อให้หลาบจำ เห็นควรรอลงอาญา 2 ปี ปรับ 2 หมื่น ส่วนจำเลยที่เหลือให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
“สกลธี” ลั่นหลังจากนี้จะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ทำงานการเมืองที่รัก
นายสกลธี ภัททิยกุล อดีตแกนนำกปปส. ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กว่า 10 ปีแห่งการต่อสู้และรอคอยโดยระบุรายละเอียดว่า เช้านี้ศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาฎีกาของผมคดีกบฎ อั้งยี่ ซ่องโจร บุกรุกสถานที่ราชการและขัดขวางการเลือกตั้ง อันเป็นผลมาจากการออกไปร่วมต่อสู้กับพี่น้องประชาชนอีกหลายล้านคนในช่วงนั้น เป็นเวลา 10 ปี พอดีครับนับตั้งแต่ถูกอัยการคดีพิเศษสั่งฟ้องเมื่อปี 2557 ผมได้ต่อสู้คดีมาตั้งแต่ศาลชั้นต้น อุทธรณ์และฎีกามาตามลำดับ และศาลท่านได้มีคำพิพากษายกฟ้องผมทั้ง 3 ศาล
มาวันนี้คดีได้ถึงที่สุดแล้ว เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับผมและครอบครัวในการเข้าเบิกความและต่อสู้มาจนถึงที่สุด แต่ผมก็เต็มใจยอมรับผลของการต่อสู้ของผมและยังคงภูมิใจที่ได้เป็นส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์ในครั้งนั้น ผมต้องขอขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่านที่ได้ให้กำลังใจผมเสมอมาในทุกช่องทาง ทีมทนายที่ต่อสู้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และที่สุดก็คือครอบครัวของผมที่อยู่เคียงข้างผมมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมาและเป็นทุกข์กับคดีความมากกว่าตัวผมเสียอีก ขอบคุณจากหัวใจครับ หลังจากนี้จะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ทำงานการเมืองที่รักได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลังอีกต่อไปครับ แล้วพบกันนะครับ พร้อมติดแฮชแทก #สู้เข้าไปอย่าได้ถอย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง