"อัยการสูงสุด" เด็ดปีก "ทักษิณ" ร่วงคดี 112 ดักคอ "รัฐบาล" อย่าเล่นเกมเสี่ยง นิรโทษกรรมเหมาเข่งช่วยนายใหญ่
ข่าวที่น่าสนใจ
ฟ้อง “ทักษิณ” คดี112 กู้หน้าระบบยุติธรรมไม่ซ้ำรอยอภิสิทธิ์ชนชั้น 14
ที่สำคัญก่อนหน้านี้ “ทักษิณ” ได้รับพระราชทานอภัยโทษโดยฝีมือของ “วิษณุ เครืองาม” อดีตรองนายกรัฐมนตรี ยุค “พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา” ลดโทษจาก 8 ปีเหลือคุก 1 ปี แต่ได้รับการพักโทษอยู่บ้านจันทร์ส่องหล้า โดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว ทั้งยังได้สิทธิพิเศษ ระหว่างพักโทษสามารถเดินสายเคลื่อนไหวทางการเมืองได้ตามใจชอบ โดยไม่มีกำไลอีเอ็มติดอยู่ที่ข้อเท้า หรือ “กรมราชทัณฑ์” โทรจิกให้มารายงานตัว ซึ่ง “ทักษิณ” น่าจะรอดคดี 112 ด้วยซ้ำไป
แต่อย่าลืมว่าคดี 112 อยู่เหนืออำนาจฝ่ายบริหารที่ใครจะมาชี้นิ้วสั่งการให้ยกฟ้องได้ตามอำเภอใจ เนื่องจากสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นส่วนราชการอิสระ ไม่ได้อยู่ใต้อุ้งเท้า ฝ่ายบริหารหรือรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลจะไปแทรกแซงหรือสั่งการเหมือน “กรมราชทัณฑ์” ที่สามารถอนุญาตให้ นายใหญ่เพื่อไทย พักโทษอยู่นอกเรือนจำ ณ ห้องวีไอพี ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจได้
แต่ในที่สุด “อำนาจ เจตน์เจริญรักษ์” อัยการสูงสุดสายแข็ง ทิ้งทวนผลงานในตำแหน่งก่อนจะเกษียณราชการเดือนกันยายนนี้ ใจเด็ดสั่งฟ้อง โดยไม่ยอมเลื่อนนัดฟังคำสั่ง หรือ ไม่ประวิงเวลาออกไปให้เนิ่นนาน ตามที่ทนายทักษิณร้องขอ แม้จะอ้างว่า ป่วยติดโควิดจริงก็ตามที และ อัยการสูงสุด กลับไม่เลือกที่จะไม่สั่งฟ้อง เพราะหากทำเช่นนั้น สำนักงานอัยการสูงสุด ย่อมต้องตกเป็นจำเลยของสังคมถูกฝ่ายตรงข้ามระบอบทักษิณ ถล่มยับเยินเป็นแน่ เพราะหาก “อัยการสูงสุด” ปล่อยคดีนี้ให้หลุดมือยิ่งจะสร้างรอยด่างพร้อยให้กับกระบวนการยุติธรรมซ้ำรอย ปม อภิสิทธิ์ชน ชั้น 14
ดักคอ “พท.” เล่นเกมเสี่ยงนิรโทษกรรมเหมาเข่งช่วยนาย
ในทางการเมืองมองข้ามช็อตกันไปแล้วว่า “คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม” ที่มี “ชูศักดิ์ ศิรินิล” สส.เพื่อไทยเป็นประธาน อาจจะเล่นเกมเสี่ยง นิรโทษกรรมเหมาเข่งล้างผิดคดี 112 ให้นายใหญ่เพื่อไทยได้รับอานิสงส์ด้วยหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา “เพื่อไทย” แบ่งรับแบ่งสู้กับจุดยืนมาตรา 112 มาโดยตลอด
ต่างจากจุดยืน “ฝ่ายอนุรักษ์นิยมใหม่” อาทิ พรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตพรรคการเมืองของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ค้านนิรโทษกรรมมาตรา 112 แบบปิดประตูตาย ยิ่ง “พรรคประชาธิปัตย์”ค้านสุดลิ่มทิ่มประตู เพราะเห็นว่า หากปล่อยให้นิรโทษกรรมเหมาเข่งฟอกขาวคดี 112 มีวาระซ่อนเร้นเพื่อช่วยแกนนำของ “พรรคก้าวไกล” ที่มีชนักติดหลังคดีล้มล้างการปครองยกเลิกมาตรา 112 เป็นพรรคที่จะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ไปเต็ม ๆ อาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมืองระลอกใหม่ ไม่ต้องกล่าวถึง พรรคชาติไทยพัฒนา , พรรคพลังประชารัฐ และ พรรคภูมิใจไทย ตบเท้าไปในทิศทางเดียวกัน คือ ไม่แตะมาตรา 112
ในทางการเมืองอาจมองได้ว่า เมื่อ “ทักษิณ” ติดบ่วงคดี 112 การกลับไปบงการการเมืองอาจไม่สะดวกโยธินเหมือนเมื่อก่อน หรือ มองกันไปถึงขนาด อาจกลายเป็นข้อต่อรองของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ไม่ให้กลับไปจูบปากกับ “พรรคก้าวไกล” หรือ เป็นการแตะเบรกนายใหญ่ไม่ให้ล้ำเส้นมากเกินไปเหมือนกับ “40สว.” ยื่นเรื่องสอย “นายกฯเศรษฐา”
ดังนั้นต้องจับตามองว่า เมื่อนายใหญ่เพื่อไทย โดนเด็ดปีก คดี 112 รัฐบาลจะหาหนทางช่วยอย่างไร ต้องไม่ลืมว่า การนิรโทษกรรมไม่ได้ทำง่าย ๆ ที่ผ่านมา “พรรคเพื่อไทย” แทงกั๊กมาโดยตลอด เพราะตัวเองก็เคยมีประสบการณ์โชกเลือด เมื่อครั้งนิรโทษกรรมเหมาเข่ง เมื่อปี 2556 จนนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมืองบานปลายจนเกิดรัฐประหาร ทั้งยังมีเรื่อง “นายหญิง” แห่งพรรคเพื่อไทย อีกคนที่ยังระหกระเหินอยู่ต่างแดนจากคดีทุจริตโครงการจำนำข้าว จะพาตัวนายหญิงกลับบ้านมาเมื่อไร ย่อมเป็นปัจจัยทางการเมือง ที่ต้องประเมินจะผลีผลามนิรโทษกรรมล้างผิดคดี 112 ให้นายตัวเองไม่ใช่เรื่องง่าย คิดได้แต่ทำยาก!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง