ศาลฎีกา ยืนยกฟ้อง “เอ๋ ปารีณา” ปมยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ

ศาลฎีกา ยืนยกฟ้อง "เอ๋ ปารีณา" ปมยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ

ศาลฎีกา ยืนยกฟ้อง “เอ๋ ปารีณา” ปมยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ

วันที่ 30 พ.ค. 2567 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ผู้ร้อง กับ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ผู้ถูกกล่าวหา ข้อหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ได้แก่ 1.กรณีการเป็นเจ้าหนี้เงินกู้ 7.7 ล้านบาท ซึ่งจากการไต่สวนเจ้าของเช็คเงินกู้ให้การปฏิเสธ เป็นการปล่อยกู้ตีเช็คเปล่าค้ำประกัน ไม่มีการกู้กันจริง 2.พระสมเด็จบางขุนพรหม 2.5 ล้านบาท พระนางพญา ราคา 3.5 ล้านบาท ที่แจ้งในบัญชีทรัพย์สิน มีการนำพระอื่นมาแสดงแทน หลังจากศาลชั้นต้นพิพากษา ให้ยกคำร้องไปก่อนหน้านี้

เอ๋ ปารีณา

 

ข่าวที่น่าสนใจ

โดยชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ที่ให้ยกคำร้อง คณะกรรมการ ป.ป.ช. เนื่องจากอุทธรณ์ทั้ง 2 ประเด็นของผู้ร้องรับฟังไม่ได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาแสดงบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ ประกอบด้วย

กรณีเจ้าหนี้เงินกู้ 7.7 ล้านบาท เห็นว่าแม้ชั้นไต่สวนไม่ปรากฏหลักฐานส่งมอบเงิน และอัยการไม่ฟ้องนายประทีปข้อหาฉ้อโกง แต่ได้ความว่าผู้ถูกกล่าวหาใช้สิทธิ์ร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีอาญากับนายประทีป มีพรบูชา ก่อนที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ จะร้องให้ป.ป.ช.ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของผู้ถูกร้อง จนกระทั่งป.ป.ช.ยื่นร้องศาล ผู้ถูกกล่าวหาก็ยังฟ้องศาลแพ่ง รับฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ

ส่วนกรณีพระเครื่อง 2 องค์นั้น แม้ว่าพระเครื่องที่ผู้ถูกกล่าวหานำมาแสดงต่อป.ป.ช. ไม่ตรงกับในเอกสาร แต่พระเครื่องทั้ง 2 องค์ที่นำมาแสดงกับพระเครื่องในเอกสารมีลักษณะและรูปทรงเดียวกัน ซึ่งการแยกแยะพระเครื่องต้องอาศัยประสบการณ์และความสนใจ เชื่อว่าผู้ถูกกล่าวหาเข้าใจโดยสุจริตว่าพระเครื่องที่นำมาแสดงเป็นพระเครื่ององค์เดียวกับในเอกสาร ถือไม่ได้ว่าผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาแสดงบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ

 

 

ล่าสุด ศาลฎีกาโดยองค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ได้อ่านคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ อม.อธ.10/2566 หมายเลขแดงที่ อม.อธ.2/2567 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ผู้ถูกกล่าวหา คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องขอให้วินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาเมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงอันควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1 ขอให้ลงโทษตาม มาตรา 167 และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตาม มาตรา 81 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาแล้ว พิพากษายกคำร้อง ผู้ร้องยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาตามอุทธรณ์ฉบับลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 ขอให้ลงโทษ ผู้ถูกกล่าวหาตามคำร้อง ศาลฎีกาโดยองค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์มีคำสั่งรับอุทธรณ์วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567

สำหรับรายการเงินให้กู้ยืมรายนาย ป องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์เสียงข้างมาก เห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาใช้สิทธิ ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีอาญาแก่นาย ข้อหาฉ้อโกงและออกเช็คโดยเจตนาที่จะไมให้มีการใช้เงินตามเช็คตั้งแต่ก่อนที่จะมีผู้ยื่นหนังสือขอให้ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบและเปิดเผยรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหาตามที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินครั้งนี้

ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องคดีนี้ผู้ถูกกล่าวหายังใช้สิทธิทางแพ่งฟ้องเรียกเงินตามสัญญาเงินกู้จากนาย ป โดยในคดีดังกล่าว นาย ป และนาย ส เบิกความและตอบคำถามค้านไว้ว่าผู้ถูกกล่าวหาให้เงินสนับสนุนนาย ป ในการหาเสียงลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีตำบลเมื่อประมาณปี 2555 และได้ความจากผู้ถูกกล่าวหากับนาย อ เบิกความทำนองเดียวกันเกี่ยวกับความเป็นมาของมูลหนี้ตามสัญญาเงินกู้ว่า มีมูลหนี้เดิมที่ผูกพันกันมาก่อน ทั้งนาย ป ลงลายมือชื่อในสัญญาเงินกู้โดยไม่มีการข่มขู่บังคับถือว่ายินยอมลงลายมือชื่อในสัญญาเงินกู้ด้วยความสมัครใจ

 

พฤติการณ์ของนาย ป จึงสอดคล้องกับลำดับเหตุการณ์และทางนำสืบเกี่ยวกับความเป็นมาของมูลหนี้ของผู้ถูกกล่าวหาอย่างสมเหตุสมผล ส่วนถ้อยคำของผู้ถูกกล่าวหาในชั้นไต่สวนของผู้ร้องและคำให้การของผู้ถูกกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวนก็ไม่เป็นข้อพิรุธถึงขนาดต้องนำมารับฟังผูกพันผู้ถูกกล่าวหาเป็นเด็ดขาดไม่

พฤติการณ์ที่ผู้ถูกกล่าวหาฟ้องนาย ป เป็นคดีแพ่งเรียกเงินตามสัญญาเงินกู้มีลักษณะเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย และการที่นาย ป ยินยอมลงลายมือชื่อในสัญญาเงินกู้และเช็คแล้วส่งมอบให้ผู้ถูกกล่าวหาไว้พร้อมกับโฉนดที่ดิน ซึ่งหากเห็นว่าไม่มีความรับผิดต่อกันจริงย่อมเป็นเรื่องผิดวิสัยของวิญญูชนที่ยินยอมส่งมอบทรัพย์สินหรือกระทำการใดในลักษณะประกันการชำระหนี้ไว้แก่ผู้ถูกกล่าวหา พฤติการณ์แห่งคดีย่อมมีเหตุให้ผู้ถูกกล่าวหาเข้าใจว่าตนมีสิทธิเรียกร้องในมูลหนี้ตามสัญญาเงินกู้ได้ ส่วนที่ว่ามูลหนี้ตามสัญญาเงินกู้จะบังคับได้หรือไม่ เพียงใด เป็นเรื่องทางแพ่งที่ต้องพิจารณาแยกต่างหาก

จึงรับฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินส่วนนี้

สำหรับรายการพระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เส้นด้าย และพระสมเด็จนางพญา พิมพ์อกนูนใหญ่นั้น องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ เห็นว่า เมื่อเปรียบเทียบพระเครื่องที่ระบุในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกับที่ผู้ถูกกล่าวหานำมาแสดงมีลักษณะและรูปทรงเดียวกัน ซึ่งผู้ถูกกล่าวหายืนยันตั้งแต่ชั้นไต่สวนของผู้ร้องว่า พระเครื่องทั้งสององค์ที่ระบุในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นพระเครื่องที่นาย อ มอบให้ระหว่างสมรสโดยแจ้งว่าเป็นพระเครื่องใดกับแจ้งราคาให้ทราบ

ส่วนกรอบพระเครื่องแม้มีความแตกต่างกัน แต่ตามบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบมุ่งเน้นการแสดงทรัพย์สินในส่วนองค์พระเป็นสำคัญ กรอบพระเครื่องที่แตกต่างกันมิใช่สิ่งยืนยันแน่ชัดว่าผู้ถูกกล่าวหาต้องรู้ว่าพระเครื่องที่อยู่ในกรอบนั้นเป็นคนละองค์กัน

นอกจากนี้ นาย อ ให้ถ้อยคำต่อผู้ร้องและเบิกความว่า เคยให้ผู้ถูกกล่าวหายืมใส่พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เส้นด้ายที่เคยแสดงไว้ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินในส่วนคู่สมรสในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาพันจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อปี 2556 และพ้นจากตำแหน่งดังกล่าวมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีเมื่อปี 2557 ภายหลังจดทะเบียนหย่า ผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้คืนพระเครื่องให้

นอกจากนี้ ตามบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินดังกล่าวในส่วนทรัพย์สินของคู่สมรสมีทรัพย์สินที่เป็นพระเครื่องอื่นอีกหลายรายการ รวมถึงมีพระสมเด็จที่มีรูปทรงพิมพ์คล้ายกันอยู่อีก ยิ่งสนับสนุนให้เชื่อว่าผู้ถูกกล่าวหาเข้าใจว่าพระเครื่องที่ตนครอบครองคือพระเครื่องทั้งสององค์ที่ ระบุในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน

พฤติการณ์ที่ผู้ถูกกล่าวหาแสดงรายการพระเครื่องทั้งสององค์ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินมาโดยตลอด ทั้งผู้ถูกกล่าวหายินยอมส่งมอบพระเครื่องที่ตนครอบครองให้ผู้ร้องตรวจสอบด้วยดี โดยไม่ปรากฎมูลเหตุจูงใจใดให้ผู้ถูกกล่าวหาต้องปกปิดทรัพย์สินหรือแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จ เชื่อว่าผู้ถูกกล่าวหาเข้าใจว่าพระเครื่องที่ตนครอบครองเป็นพระเครื่ององค์เดียวกับที่ระบุไว้ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน จึงรับฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินส่วนนี้เช่นกัน ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษายกคำร้องมานั้น องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์เสียงข้างมากเห็นพ้องด้วย พิพากษายืน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น