วันที่13 ก.ย. 2564 ที่กองบังคับการปราบปรามทุจริต (ปปป.) ชั้น 4 อาคาร บี ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำนายจำรัส หอมชิด อดีตผู้ต้องขังเรือนจำชลบุรี ที่ถูกเรียกรับเงิน 2 ล้านบาท เพื่อแลกกับการเลื่อนชั้น โดยมีหลักฐานการโอนเงินตรงเข้าบัญชีของเจ้าหน้าที่เรือนจำนำมาแสดง
นายอัจฉริยะ ระบุว่า นายจำรัส กล้าที่จะออกมาร้องเพราะต้องการให้เป็นแบบอย่างของสังคมเพราะนายจำรัสถูกศาลตัดสินจำคุก 20 ปี 13 เดือน เมื่อเข้าไปอยู่ในเรือนจำกลางชลบุรี ก็ได้มีการเรียกรับเงินสินบนจากนายจำรัสจำนวน 2 ล้านบาท ทำให้ติดคุกจริงเพียง 5 ปี โดยก่อนหน้านี้ก็มีผู้ต้องขังรายหนึ่งโดนข้อหาฆ่าคนตาย ถูกศาลจำคุก 20 ปีเช่นกัน แต่เมื่อจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่ติดคุกจริง 3 ปีกว่า จึงเกิดคำถามว่าหากทุกเรือนจำทำกันแบบนี้สังคมจะเป็นอย่างไร แล้วใครจะเกรงกลัวกฎหมาย ที่สำคัญประเด็นที่เกิดขึ้นกับนายจำรัส ถือว่าเจ้าหน้าที่เรือนจำไม่กลัวกฎหมายเช่นกันเพราะถึงขนาดให้ผู้ต้องขังโอนเงินเข้าบัญชีของเจ้าหน้าที่โดยตรงแบบนี้จะทำอย่างไร
ประเด็นนี้จึงอยากฝากไปถึงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และปลัดกระทรวงยุติธรรม ว่าปล่อยมาได้อย่างไรเพราะนายจำรัส ได้ร้องเรียนมาสามปีแล้ว ที่สำคัญเมื่อเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่ทำการเรียกรับสินบนถูกตั้งกรรมการสอบสวนเบื้องต้นก็ได้รับสารภาพและยังซัดทอดไปยังผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดแต่ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ
ขณะที่ นายจำรัส ระบุว่า หลังจากในช่วงระหว่างที่ถูกควบคุมตัวไว้ภายในเรือนจำดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ชื่อนายสารวัตร อ้างว่าสามารถเลื่อนชั้นหรือลดชั้นและได้สิทธิ์การอภัยโทษ ลดจำนวนการจำคุกได้ โดยต้องจ่ายเงินให้เป็นค่าตอบแทนครั้งละหลักหมื่นบาทถึงแสนบาท โดยอ้างว่าจะต้องนำไปจ่ายให้กับเรือนจำ กรมราชทัณฑ์ และคณะกรรมการพิจารณา
นายจำรัส ระบุว่า ตนยินยอมจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้หลายครั้งรวมมูลค่ามากกว่า 2 ล้านบาท โดยมีทั้งที่จ่ายเป็นเงินสดและที่เป็นการโอนเงินจากญาติมาให้อีก 5 ครั้ง โดยในระหว่างการถูกคุมขังอยู่นั้น ก็มีการถูกเลื่อนชั้นและลดชั้นอยู่บ่อยครั้ง โดยสอดคล้องกับการจ่ายเงินในแต่ละครั้ง หากไม่ยอมจ่ายให้ก็จะถูกลดชั้น โดยอ้างว่าทำเรื่องไม่ถูกต้องหรือไม่เข้าเกณฑ์ตามระเบียบ หากจ่ายให้ตามที่ต้องการก็จะได้รับการเลื่อนชั้นหรืออภัยโทษ
นอกเหนือจากตนเองแล้ว ยังมีผู้ต้องขังที่ต้องจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นายดังกล่าวหลายคน โดยบางคนที่ยอมจ่ายเงินให้ตามที่เรียกรับก็ได้รับการพ้นโทษเร็วกว่า ประเด็นดังกล่าวนี้ ตนได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังผู้บัญชาการเรือนจำชลบุรี ให้ตรวจสอบแล้วแต่เรื่องก็เงียบหายไป จนกระทั่งได้ทำเรื่องไปถึงปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งทางกระทรวงได้รับเรื่องแล้วแต่เรื่องก็เงียบหายไปอีก ทั้งที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คนดังกล่าวก็รับสารภาพในขั้นตอนการสอบสวน จึงเข้าร้องเรียนกับนายอัจฉริยะ เพื่อมาร้องเรียนที่ ปปป. ให้ช่วยตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพราะคิดว่ากระบวนการที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเพียงแค่นายสารวัตรเพียงคนเดียว แต่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงในระดับเรือนจำและกระทรวงเกี่ยวข้องอีกเป็นจำนวนมาก
เบื้องต้น พนักงานสอบสวน บก.ปปป.จะรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไว้พิจารณาและเสนอให้ผู้บังคับการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงหากพบว่ามีความผิดจริงก็จะเลือกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำเพิ่มเติม และจะเสนอไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้มูลความผิดตามขั้นตอนต่อไป