นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวถึงกรณี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนชื่อดังย่านดอนเมือง ใช้มีดจี้ร้านทองเยาวราชกรุงเทพ ภายในห้างบิ๊กซี สาขารัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี เพราะเล่นแชร์ทางออนไลน์ แล้วถูกโกง ว่า เรื่องนี้ตนคิดว่าเรื่องอายุไม่น่าสนใจ เท่าพฤติกรรมการกระทำ เพราะเรื่องนี้สามารถเกิดขึ้นในสังคมได้หมด และจากการฟังข่าวว่าเด็กจี้ร้านทอง เพราะเล่นแชร์ออนไลน์ลงทุนไป 50,000 บาทแล้วถูกโกงแชร์ แต่หาทางออกไม่ได้ จึงเลือกทางออกด้วยการไปจี้ปล้นร้านทอง ถือเป็นการเลือกทางออกที่ไม่ถูกต้อง ตรงนี้ก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง และเป็นบทเรียนที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) จะต้องนำไปถอดบทเรียนให้เด็กได้เห็นปัญหาว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรให้ถูกทางต่อไป
เรื่องนี้ตนคิดว่าต้องแก้ที่ต้นเหตุ มูลเหตุที่ทำให้เด็กตัดสินใจผิด คือไม่ควรไปเล่นแชร์ออนไลน์ตั้งแต่ต้น เพราะเกิดความโลภ อยากได้ค่าตอบแทนสูง แม้กรณีดังกล่าวจะเป็นเรื่องของบุคคลก็ตาม แต่สพฐ.ควรถอดบทเรียนเพื่อฝึกฝนเด็กนักเรียนต่อไป
ขณะเดียวกันภายในโรงเรียนมีระบบการแนะแนว มีนักจิตวิทยา มีครูแนะแนว มีอาจารย์ที่ปรึกษา มีรุ่นพี่ มีสมาคมศิษย์เก่าที่นักเรียนสามารถเข้าไปขอคำปรึกษาได้ ก็ขึ้นอยู่กับนักเรียนว่าจะเลือกที่จะเรียนรู้อะไร ดังนั้นโรงเรียนและครูอาจจะไปสอนให้เด็กได้ตระหนักรู้เหตุและผลในการตัดสินใจต่างๆ ของนักเรียน เช่น ครูอาจจะไปดูเด็กเป็นรายบุคคลมากขึ้น และครูอาจต้องเป็นเพื่อนกับนักเรียนมากขึ้น เพื่อให้นักเรียนเปิดใจและรับฟังปัญหานักเรียน เพื่อให้เด็กกล้าที่จะเข้ามาขอคำปรึกษามากขึ้น
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อว่า และปัญหานี้ต้องนำมาถอดบทเรียนดูว่าวิถีชีวิต ครอบครัวเด็กเป็นอย่างไร เรื่องกฎหมายก็ให้บ้านเมืองดำเนินการไป แต่โรงเรียนซึ่งถือเป็นพ่อแม่ ของเด็กอีกทางหนึ่ง ก็จะไม่ทอดทิ้งให้เขาออกจากระบบการศึกษา ต้องดูแลกันต่อไปว่าจะสามารถช่วยเหลือได้แค่ไหน เพื่อไม่ให้เป็นทุกข์จนไม่มีที่พึ่ง เพราะการเป็นนักเรียนไม่จำเป็นต้องเรียนในห้องเรียนเท่านั้น จะต้องเรียนในรูปแบบใหม่ในระหว่างถูกกักกัน เพื่อให้เด็กสามารถโอนหน่วยกิตไปเรียนต่อได้ และไม่พลาดโอกาสในการเรียนรู้