“พม.”สั่งห้าม “ครอบครัวเชื่อมจิต” เอาลูกหาผลประโยชน์-แสวงกำไร ลั่นทุกอย่างต้องยึดตามกม.เพื่อตัวของเด็ก

"พม."สั่งห้าม "ครอบครัวเชื่อมจิต" เอาลูกหาผลประโยชน์-แสวงกำไร ลั่นทุกอย่างต้องยึดตามกม.เพื่อตัวของเด็ก

Top news รายงาน เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (4 มิ.ย. 67) น้องไนซ์ และครอบครัวลัทธิเชื่อมจิต เดินทางมายื่นหนังสือถึง นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) หลังมองว่าถูกใส่ร้ายจากสื่อฯ และกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดี กล่าวหาว่าเป็นลัทธิ ทำให้ได้รับความเสียหาย อับอาย ถือเป็นการลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยจะขอให้ พม. มีคำสั่งคุ้มครองสวัสดิภาพ “น้องไนซ์” จากการถูกใส่ร้ายดังกล่าว

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

บรรยากาศที่ พม. พบว่ามีกลุ่มผู้ศรัทธา “น้องไนซ์” เดินทางมารอพบ และให้กำลังใจท่ามกลางสื่อมวลชนที่มาเฝ้ารอติดตามสถานการณ์ ขณะที่ อี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ อดีต ส.ส.กทม. และรักษาการประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างประเทศ พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาที่กระทรวง พม. ด้วยเช่นกัน โดยบอกว่า ตนเองต้องการแสดงเจตนารมณ์ให้กระทรวง พม.ได้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด และรวดเร็วขึ้น

 

 

 

 

อี้-แทนคุณ ยังกล่าวถึงบรรยากาศที่ สน.ทองหล่อ เมื่อวานนี้ (3 มิ.ย.) ที่ประชาชนไปติดตามสถานการณ์ค่อนข้างไม่พอใจ และไม่สบายใจ จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นยืดยื้อยาวนานเกินไป ตนเองไม่ได้ต้องการทำให้เด็กเป็นศัตรูของสังคม หรือเป็นตัวประหลาด แต่เพียงต้องการช่วยคุ้มครองเด็ก ทำให้เด็กอยู่ได้ในสังคมต่อไป เพราะขณะนี้ทางครอบครัว ถือว่าเป็นภัยของสังคมโดยเฉพาะการตีความกฎหมาย พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก ไปในทางที่ผิด อย่างการฟ้องร้องสื่อ หรือผู้ที่นำรูปไปเผยแพร่ ทั้งที่ พ่อแม่ เป็นคนแรกที่นำภาพลูกมาลงโซเชียล จึงอยากให้หยุดพฤติกรรมนี้ และเด็กต้องได้รับความคุ้มครองจากครอบครัวที่มีปัญหา ทั้งเด็ก และครอบครัว ต้องได้รับการบำบัดโดยเร็วที่สุด ไม่ควรใช้เด็กเป็นโล่ป้องกันอยู่ตลอดเวลา ทำให้สื่อมวลชนทำหน้าที่ไม่ได้ โดยย้ำว่า ต้องเร่งกระตุ้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว

 

 

เมื่อถามว่า ทางครอบครัวดูจะมีการลดราวาศอกหรือไม่ อี้-แทนคุณ บอกว่า ดูจากสถานการณ์น่าจะรุนแรงยิ่งขึ้น สิ่งที่เขาทำกับเด็กเลวร้ายถึงขั้นสุด ต้องกลายเป็นตัวตลก ถูกกลั่นแกล้งจากเพื่อน หรือสังคม และจากข่าวที่อยู่ในอินเทอร์เน็ตก็จะยังอยู่ตลอดชีวิต ตนเองจึงต้องหยุดพฤติกรรม และสุดท้ายคนที่ต้องติดคุกคือ พ่อแม่ ส่วนคนที่เสียใจ และเจ็บปวดที่สุดก็คือ ลูก ที่ต้องถูกพลัดพราก ส่วนพฤติกรรมที่เกิดขึ้นมันเกินขอบเขตพ่อแม่รังแกลูก แต่เป็นการก่ออาชญากรรมเด็กอย่างช้าๆ แบบเลือดเย็น

 

 

ซึ่งตนเองนึกภาพไม่ออกเลยว่า ถ้าวันหนึ่งเด็กอาจจะทนกระแสสังคมไม่ไหว คิดสั้น และฆ่าตัวตาย เพราะตนเองเชื่อว่าเรื่องนี้จบไม่สวยแน่นอน ยืนยันว่าประเด็นนี้ ไม่ใช่เรื่องแก้แค้น เพื่อความสนุก ตนเองทำงานเกี่ยวกับเด็กมา 20 ปี รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เป็นสภาวะปกติ ตนเองยังเคยไปร้องตรวจสอบมรรยาททนายความ ของนายธรรมราช แต่ผ่านมา 6 เดือนแล้ว ไม่มีอะไรคืบหน้า

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เต่าทะเลกว่า 6 แสนตัวแห่วางไข่ที่ชายหาดอินเดีย
ฮามาสปล่อย 6 ตัวประกันสุดท้ายภายใต้ข้อตกลงเฟสแรก
‘Super AI Engineer Season 5’ รวมพลังรัฐ-เอกชน-ประชาสังคม ปั้นบุคลากร AI เสริมขีดความสามารถแข่งขันไทย
"ดร.ปณิธาน" ยกพัทยาโมเดล แก้ปัญหา "ชาวอิสราเอล" ล้นเมืองปาย แนะหน่วยมั่นคงบังคับใช้กม.ใกล้ชิด
"อดีตสว.สมชาย" แฉโพย ฮั้วเลือกสว. ชี้เป็นหลักฐาน ดีเอสไอ เร่งนำลากไส้ตัวการใหญ่
‘ทักษิณ’ ปลื้มลงพื้นที่นราธิวาส ในรอบ 19 ปี ปชช.รอต้อนรับ
นายกฯ รับรายงาน ตร.ไทย-กัมพูชา ร่วมมือทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ฝั่งปอยเปต ช่วยเหยื่อคนไทยนับร้อย หลุดพ้น
“เทพไท” เชื่อ 44 อดีตสส.ก้าวไกล ลงชื่อรื้อ แก้ 112 ถูกตัดสิทธิ์ กระทบหนักยิ่งกว่าถูกยุบพรรค
"หม่องชิต ตู่" ส่งกำลังทหารกว่า 150 นาย คุมเข้มเคเคปาร์ค จับหัวหน้าแก๊งคอลเซนเตอร์ กวาดต้อน 450 เหยื่อต่างชาติ
ใต้ป่วนต่อเนื่อง คนร้ายลอบวางบึ้มหน้าร้านสะดวกซื้อ บันนังสตา ตร.เจ็บ 7 นาย-ชาวบ้านอีก 4 เช้านี้บึ้มรถยนต์อีก หน้าห้างสนามบินนราฯ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น