logo

“สว.สมชาย” ขู่ฮั้วเลือกสว. ได้ติดคุกยกแผงแน่ จี้กกต.เร่งสอบ

“สว.สมชาย” ขู่ ฮั้วเลือก สว. ติดคุกยกแผงแน่ แนะรีบสารภาพ ได้กันตัวเป็นพยาน จี้ กกต. เร่งสอบ หลังพบหลายจังหวัดส่อเค้าเกณฑ์คนมาเลือก บอกโพยก๊วนฮั้ว สว. 149 คนผ่านเข้าระดับประเทศแค่ภูเขาน้ำแข็ง พบต้นเหตุใหญ่คือกฎหมายลูกเปิดช่องไม่ต้องเลือกตัวเองได้

“สว.สมชาย” ขู่ฮั้วเลือกสว. ได้ติดคุกยกแผงแน่ จี้กกต.เร่งสอบ – Top News รายงาน

สว.สมชาย

 

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2567 นายสมชาย แสวงการ สว. ในฐานะประธานกรรมาธิการสิทธิ มนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่ออกมาเปิดเผยข้อมูล “โพยก๊วนฮั้วเลือก สว.” และมีรายชื่อระดับประเทศออกมา 149 คนว่า โพยที่เกิดขึ้นมาจากแหล่งข้อมูลดิบ ที่ตนคิดว่า ทำหน้าที่ตรวจสอบการเลือกสว. เพื่ออยากให้ได้สว.ที่เป็นตัวแทนกลุ่มอาชีพ ทั้ง 20 กลุ่มด้วยความซื่อสัตย์เที่ยงธรรม และสุจริตตามที่กกต.ต้องการ มาแทนสว.ชุดตนจะได้หมดห่วง และเป็นรูปแบบใหม่ของสว.ที่เลือกกันเอง ซึ่งตนได้ข้อมูลติดตามและจะนำเข้าหารือในที่ประชุมกรรมาธิการวันนี้ เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการติดตาม ให้ได้สว.ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ไม่ใช่มาจากการฮั้ว ประเด็นเรื่องโพยนี้ได้ถูกส่งไปตามกลุ่มต่างๆ ทั้งที่ตน ในโซเชียลรวมถึงกลุ่มสื่อมวลชน เป็นประเด็นต่อเนื่องที่มีผู้สมัครร้องกันตั้งแต่จังหวัดสมุทรสาคร ที่ต่างอาชีพกำหนดกลุ่มผิด เช่นกลุ่มทำนาเกลือแต่ไปอยู่ในกลุ่มทำนาข้าว ว่าคนเหล่านั้นมีประสบการณ์ 10 ปีจริงหรือไม่ และยังมีอาชีพอื่นเช่น เด็กปั๊ม มาสมัครตัวแทนด้านพลังงาน หรือ อสม. ที่อบรม 12 ชั่วโมงแต่มาสมัครกลุ่มแพทย์ ที่ใช้เวลาเรียนถึง 6 ปี ซึ่งหากได้รับเลือกเข้ามา จะทำหน้าที่ต่างจากอาชีพจริงหรือไม่ และตนยังได้รับรายงานจากบางพื้นที่ว่ามีการสมัครในกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำ โดยใช้คุณสมบัติว่าเป็นกรรมการบริหารน้ำหมู่บ้าน ซึ่งทำให้มีการยกตัวอย่างว่าถ้าเป็นเช่นนี้ รปภ. ที่ประจำอยู่ที่ศาล สามารถสมัคร เป็นตัวแทนในกลุ่มนักกฎหมายได้หรือไม่

นายสมชาย กล่าวอีกว่า ตนจึงต้องออกมาทักว่ากติกาเหล่านี้ เกิดจากรัฐธรรมนูญด้วยการเลือกสว. ที่เพิ่งตรวจเจอ ว่ามีมาตราที่เป็นปัญหา ที่ทำให้สามารถจัดคนมาลง เกิดการฮั้วและบล็อกโหวตได้ คือพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือก สว. มาตรา 40 41 และ 42 (3) ที่ เขียนบอกให้ผู้เลือกในระดับอำเภอ จังหวัดและประเทศ เลือกตนเองก็ได้ นั่นหมายความว่าไม่เลือกก็ได้ ซึ่งเป็นการ เปิดช่องให้คนที่รับจ้างเข้ามาสามารถเลือกคนอื่นได้หมด ถือเป็นการผิดเจตนารมณ์ ที่ไม่ได้เปิดให้สมัครมาเป็นผู้โหวต แต่ให้สมัครมาเป็น สว. และการที่มารณรงค์บอกว่าผู้มาสมัครกว่า 48,000 คนน้อยไป ตนคิดว่าเป็นการขัดเจตนารมณ์ เพราะจะเท่ากับเป็นการเกณฑ์คนมาเลือก และก่อนหน้านี้ยังมีการรณรงค์ 1 ครอบครัว 1 คนส่งมา ยอมสละคนละ 2,500 บาทเพื่อมาเป็นผู้โหวต สว. ซึ่งไม่มีรัฐธรรมนูญมาตราไหน เขียนให้มาเป็นผู้สว. และส่วนตัวเคยทักท้วงหลายเดือนแล้วแต่กกต.ไม่เคยหยุด ออกมายับยั้ง จนทำให้มีผู้สมัครสว.บางคนบอกว่ายอมจ่ายเงิน เพื่อต้องการมาเลือกสว.ที่ดี

ข่าวที่น่าสนใจ

นายสมชาย เห็นว่า การกำหนดกลุ่มอาชีพต่างๆที่วางไว้ดีแล้วแต่เห็นความผิดเพี้ยน ในรายละเอียดของคุณสมบัติ ที่ตนได้รับข้อมูลมาค่อนข้างมาก เช่น กรณมีผู้สมัครเป็นผู้นำกลุ่มสตรี อย่างน้อย 2 กลุ่ม อยู่คนละจังหวัดคือ จ.มุกดาหาร และศรีสะเกษ แต่แต่งกายเหมือนกัน ภาพถ่ายร้านเดียวกัน แล้วยังมีกลุ่มเกษตรกรเลี้ยงไก่ ทำนา ตัดเย็บเสื้อผ้า ไปสมัครกลุ่มศิลปะ การแสดง วัฒนธรรม นักดนตรีและนักกีฬา มันบิดเบี้ยวหมด ทั้งนี้หากกกต.ไปตรวจสอบอาจเจอข้อพิรุธในลักษณะนี้ ขณะนี้มีคนส่งมาให้ตนนับพันเรื่อง ดังนั้น สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่กกต.ระดับอำเภอจะต้องคัดกรอง ไม่ควรปล่อยให้สมัครเข้ามา เพราะการที่ผู้สมัครรู้อยู่แล้วว่า ตัวเองไม่มีคุณสมบัติ แล้วโกหกรับจ้างเข้ามา ลงสมัครมีโทษ จำคุก 1-10 ปีปรับ 20,000-200,000 บาท และตัดสิทธิ์การเลือกตั้งตลอด 20 ปี รวมถึงผู้ให้การรับรองคุณสมบัติ

“ ขณะนี้พบ ข้อมูลว่ามีผู้สมัครบางส่วน รับรองกันเอง โดยมีภาพของการขนคนทั้งหมู่บ้าน โดยฝ่ายที่มีผลประโยชน์ จะมาฮั้วมาบล็อกโหวต ซึ่งทั้งหมดเป็นเพราะ กฎหมายมีการเปิดช่องให้ทำได้ และถ้าพฤติกรรมเหล่านี้ผ่านการเลือกระดับอำเภอมาสู่ระดับจังหวัด แล้วจะมีช่องสู่ระดับประเทศ เพราะไม่จำเป็นต้องเลือกตัวเองก็ได้ ซึ่งในจังหวัดที่พบว่ามีข้อพิรุธคือ สมุทรสาคร เพชรบุรี สระบุรี บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สตูล สงขลา ซึ่งมีการร้องเรียนแต่ยังไม่เห็น ปฏิกิริยากกต. ว่ามีการตรวจสอบ” นายสมชาย กล่าว

ส่วนที่เลขาธิการ กกต.ระบุว่าต้องตรวจสอบว่าหากใครไม่ได้เลือกตัวเอง ถือว่าเข้าข่ายฮั้วนายสมชายกล่าวว่า จะตรวจสอบได้อย่างไรเพราะเป็นการลงคะแนนรับ อยากรู้ก็แสดงว่าไม่ลับ และถือว่าผิดกฎหมายเพราะไปเปิดเผยผลการลงคะแนน และกฎหมายยังเปิดช่อง ให้เลือกคนอื่นได้ด้วย

” โดยสรุป 149 คน เป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งของปัญหาขบวนการทั้งหมด ผมไม่เคยระบุและไม่เคยสนใจชื่อ บุคคลเหล่านั้น และไม่ตรวจด้วยว่าท่านเป็นใคร ข้อมูลนั้นจะตรงหรือไม่ตรง จะเป็นการเช็คทางสถิติ หรือเป็นการฮั้วหรือไม่ ผมตั้งคำถามให้กกต.ได้ตอบว่าท่านตรวจสอบแล้วหรือยัง ว่ามันมีข้อบกพร่อง ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว. หรือระเบียบของกกต. หรือมีการจัด ฮั้วหรือบล็อคโหวตจริงหรือไม่ และฝากสื่อมวลชนทำหน้าที่แทนประชาชนตรวจสอบการเลือกสว.ครั้งนี้ และขอให้กกต.ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ละเอียด เชื่อว่าหาข่าวได้อยู่แล้ว “นายสมชาย กล่าว

 

 

นายสมชายกล่าวว่านอกเหนือจากประเด็น 149 คนที่ต้องไปตรวจสอบ ยังมีประเด็น เรื่องที่นักวิชาการได้คำนวณ สถิติ สัดส่วน การลงสมัคร ว่า 53% จากจำนวนผู้สมัคร กว่า 48,000 คน หรือจำนวน ประมาณ 25,000 คน มาจากการรับจ้างลงสมัคร ซึ่งหากพบว่าเป็นเช่นนั้นจริงจะเข้าข่ายความผิด มีโทษถึงจำคุก ซึ่งมีข้อมูลที่ชัดเจนแล้วว่ามีหนุ่มนครศรีธรรมราชคนหนึ่งรับสารภาพ กับกกต.ในพื้นที่ ซึ่งทางกฎหมาย สามารถกันเป็นพยานได้ แล้วต้องขอต่อไปโดยใช้อำนาจมาตรา 77 ใช้ความผิดมูลฐานวงเล็บ 1 ในเรื่องการให้จัดให้ให้ทรัพย์สิน หรือจ้างและสาวถึงตัวบงการ เพราะสารภาพว่าถูกการเมืองท้องถิ่นให้ไปสมัคร ซึ่งใช้พ.ร.บ.ฟอกเงินได้ โดยส่งเรื่องให้เลขาป.ป.ง. ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ถ้าพบว่าผิดต้องดำเนินการ และ กกต. ควรทำหน้าที่ ให้ครบถ้วนอย่าเร่งให้มีสว.เพียงอย่างเดียว แล้วมาเกิดปัญหาในภายหลัง

ส่วนที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว.มองว่าอาจมีการล้มกระดาน ในการเลือก สว. ครั้งนี้ นายสมชาย ย้อนว่า “ท่านเชื่อของท่าน ไม่ใช่ผม” พร้อมระบุส่วนตัวเชื่ออีกอย่างหนึ่ง ว่าการที่ ตรวจสอบจะทำให้การเลือกสว. เป็นไปอย่างถูกต้องและไม่ล้ม แต่ถ้าปล่อยไป ให้การเลือกไปถึงขั้นสุดท้ายระดับประเทศ ตนไม่ทราบว่าใครได้รับประโยชน์ เพราะความผิดจะสำเร็จไปเรื่อยๆ และมีประชาชนกระทำผิดสองหมื่นกว่าคน ต่างกรรมต่างวาระ เพราะรับจ้างตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน เวลารับโทษ ก็ต้องนับโทษ ต่างกรรมต่างวาระ หากปล่อยไว้จะทำให้เกิดปัญหาชาวบ้านเป็นเหยื่อการเมือง ดังนั้นจึงฝากไปยังพี่น้องประชาชน ใครที่ไปรับจ้าง มาลงสมัคร เพื่อเลือกสว. คิดว่าเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย ติดคุกแน่นอน ซึ่งกรรมาธิการทุกคณะและสื่อมวลชนต่างคอยติดตาม เมื่อถึงตรงนั้นใครก็ช่วยไม่ได้ ฝ่ายการเมืองก็ช่วยไม่ได้ ดังนั้นขอให้แจ้งไปยังกกต. ในพื้นที่กกต. กลางหรือสื่อ โดยให้กกต. ใช้มาตรา 65 กันไว้เป็นพยาน และให้กกต.ตรวจสอบเพื่อให้ผลออกมาได้สว.ที่มีคุณภาพ ตรงไปตรงมา ไม่ต้องคิดว่าจะไปยื้ออะไร เพราะทำได้ไม่เยอะ แต่ขอให้ทำอย่างถูกต้องดีกว่า

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ประกาศแล้ว "จิราพร" แจ้งข่าวดีกม. คุ้มครองนักช้อปออนไลน์ เปิดก่อนจ่าย สินค้าไม่ตรงปก ขอเงินคืนได้ใน 5 วัน ดีเดย์ บังคับใช้ 3 ตุลาคมนี้
กรมศิลปากร นำชมแหล่งเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์ "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง" จ.สุพรรณบุรี
"สันติสุข" แจงย้ำสถานี Top News ไม่เกี่ยวข้องเพจ "แฟนข่าวฯ" ยันจุดยืนไม่ก้าวล่วงสถาบันฯ
แม่ร่ำให้ร้องสื่อลูกสาววัย 12 หายจากบ้านนาน 4 วันติดต่อไม่ได้ดูกล้องวงจรปิด พบนั่งรถจยย.รับจ้าง ไปลงบางแสนแล้วหายตัวไป
"คิดดีแคมป์" ค่ายยุวชน ต้นกล้าคุณธรรม ปี 2 ทำกิจกรรมอาสา พัฒนาชุมชน "คลองอัมพวา" ปลูกฝังจิตสำนึก ทำความดีเพื่อสังคม
"ซ้อลักษณ์" ควงทนายบุก สภ.เมืองสกลนคร แจ้งจับ "ปธ.มูลนิธิชื่อดัง" ฐานฉ้อโกงขายวุฒิการศึกษาปลอม
อบต.ทับน้ำบางปะหันเตรียมจัดใหญ่ถนนคนเดินอยุธยา
"บัวขาว" โพสต์ขอโทษคนไทย ลั่นเต็มที่ไม่มีข้อแก้ตัว หลังชวดล่าแชมป์ K-1 โลก
ฝรั่งเศสเลือกตั้งรอบสองคาดพรรคขวาจัดคว้าชัย
คนรุ่นใหม่แห่แชร์ภาพ "สมเด็จพระพันปีหลวง" ชื่นชมความสง่างาม

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น