“พิพัฒน์” รุกเข้ม ปล่อยแถวตรวจแรงงานข้ามชาติ เน้นสร้างสมดุลคุณภาพภาคธุรกิจแต่ต้องไม่ละเมิดกม.

"พิพัฒน์" รุกเข้ม ปล่อยแถวตรวจแรงงานข้ามชาติ เน้นสร้างสมดุลคุณภาพภาคธุรกิจแต่ต้องไม่ละเมิดกม.

พิพัฒน์” รุกเข้ม ปล่อยแถวตรวจแรงงานข้ามชาติ เน้นสร้างสมดุลคุณภาพภาคธุรกิจแต่ต้องไม่ละเมิดกม.

วันที่ 5 มิ.ย. 67 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีมอบนโยบายและปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ด้านการตรวจสอบการทำงานของแรงงานข้ามชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ณ บริเวณองค์พระพุทธรูป อาคารกระทรวงแรงงาน โดยมีนายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวรายงาน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน และผู้แทนจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร ร่วมเป็นเกียรติในพิธี

พิพัฒน์

ข่าวที่น่าสนใจ

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ปัจจุบันการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยจำเป็นต้องพึ่งพาภาคแรงงาน รักษาความสมดุลระหว่างการจ้างงานคนสัญชาติไทยให้มีงานทำ และบริหารจัดการการทำงานของแรงงานข้ามชาติ ให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้ประกอบการ สามารถขับเคลื่อนกิจการทั้งภาคการผลิต ภาคการเกษตร และภาคอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ การมอบนโยบายในวันนี้จึงมีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นการมอบนโยบายแก่เจ้าหน้าที่ด้านการตรวจสอบการทำงานของแรงงานข้ามชาติ เพื่อใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติงานด้านการตรวจสอบ จับกุม และดำเนินคดีนายจ้าง/สถานประกอบการ และคนต่างชาติ ที่กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว การปราบปรามการลักลอบเข้าประเทศตามช่องทางธรรมชาติ และทำงานโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้นายจ้าง/สถานประกอบการ และคนต่างชาติ เร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566

 

ซึ่งการบรรลุวัตถุประสงค์ได้นั้น ต้องบูรณาการร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ เพื่อตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ในการนี้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธี ประกอบด้วย กรมการจัดหางาน โดยเจ้าหน้าที่กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน เจ้าหน้าที่จากสำนักงานจัดหางานจังหวัดปริมณฑล และเจ้าหน้าที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 จำนวน 85 นาย สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน กรุงเทพมหานคร จำนวน 45 นาย รวมทั้งสิ้น 130 นาย นอกจากนี้เจ้าหน้าที่กรมการจัดหางานที่ประจำอยู่ ณ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด จะเข้าร่วมพิธีเพื่อรับมอบนโนยายพร้อมกันทั่วประเทศ ผ่านทางการถ่ายทอดสด Facebook Live กรมการจัดหางานด้วย โดยทันทีที่การรับมอบนโยบายเสร็จสิ้น กำลังพลจะออกปฏิบัติการตรวจสอบการทำงานของแรงงานข้ามชาติ และนายจ้าง/สถานประกอบการโดยพร้อมเพรียงกัน

“ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ สุจริต ยุติธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ คำนึงถึงผลประโยชน์โดยรวมของประเทศชาติเป็นหลัก และขอให้ได้รับความปลอดภัยในการปฏิบัติภารกิจทุกครั้ง ในนามของกระทรวงแรงงาน ขอขอบคุณสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ที่ได้ให้ความร่วมมือส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมปฏิบัติงานกับพนักงานเจ้าหน้าที่ของกระทรวงแรงงานในครั้งนี้” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

 

ด้านนายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม “คนต่างด้าวที่ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือจากสิทธิที่ทำได้ มีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท และถูกส่งกลับประเทศต้นทาง รวมทั้งไม่สามารถขอรับใบอนุญาตทำงานได้จนกว่าจะพ้นโทษมาแล้วเป็นระยะเวลา 2 ปี และนายจ้าง/สถานประกอบการที่รับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานเข้าทำงาน หรือให้คนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิ มีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน หากกระทำผิดซ้ำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 – 200,000 บาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน และห้ามจ้างคนต่างด้าวทำงานเป็นเวลา 3 ปี”

 

 

ในส่วนคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2567 ซึ่งนายจ้างได้ดำเนินการยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนในช่วงที่ผ่านมา (สิ้นสุดการดำเนินการวันที่ 15 มกราคม 2567) และได้รับอนุญาตทำงาน มีจำนวน 813,869 คน แบ่งเป็นสัญชาติเมียนมา 676,515 คน กัมพูชา 103,442 คน ลาว 31,170 คน และเวียดนาม 2,742 คน จะต้องไปดำเนินการจัดเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล จัดทำหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางและตรวจลงตราหรือตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว จัดทำหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติและทำบัตรประจำตัวคนต่างด้าว (บัตรชมพู) ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2567 หากไม่ดำเนินการหรือดำเนินการไม่ครบถ้วนจะส่งผลให้การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อการทำงานเป็นอันสิ้นสุด

นี้สำนักบริหารแรงงานต่างด้าวให้ข้อมูลว่า แรงงานสัญชาติเมียนมา ได้ไปดำเนินการจัดทำเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity: CI) (เอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง) ณ ศูนย์บริหารจัดการการทำงานของแรงงานเมียนมาแบบเบ็ดเสร็จ จำนวน 369,156 คน หรือร้อยละ 54.57 ของแรงงานสัญชาติเมียนมาที่ได้รับอนุญาตทำงานตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว จึงขอฝากถึงนายจ้าง สถานประกอบการอย่านิ่งนอนใจ พาแรงงานของท่านไปดำเนินการตามกระบวนการที่กำหนดให้ครบถ้วนภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2567 หากไม่ดำเนินการหรือดำเนินการไม่ครบถ้วนจะทำให้แรงงานกลุ่มดังกล่าวเป็นแรงงานผิดกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ด้านการตรวจสอบการทำงานของแรงงานข้ามชาติจำเป็นต้องดำเนินคดีโดยไม่มีข้อยกเว้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ทบ.ขานรับนโยบายปราบยาเสพติด เพิ่มทหาร 6 กองกำลัง วัดเคพีไอ 10 กพ.-10 มิ.ย.
ซีพีเอฟ ซีพี-เมจิ ร่วมหนุนสระบุรีแซนด์บ๊อกซ์ "รวมพลังสร้างเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทย”
สละเรือแล้ว! "ผบ.อิสราเอล" ยื่น "ลาออก" เซ่นเหตุ 7 ต.ค. ไล่แทงกันในเทลอาวีฟเจ็บ 5
สุดปัง “นายกฯ” สวมกระโปรงผ้าปาเต๊ะ ร่วมประชุม WEF
ทบ.ยืนยันอีกรอบ! ปมร้อน “แสตมป์” ไม่เกี่ยวกองทัพ พบไม่เคยร้อง 112
ผบ.ทร.เข้าเยี่ยม พร้อมมอบของบำรุงขวัญ สร้างกำลังใจทหารผ่านศึก ขอบคุณเสียสละเพื่อชาติจนทุพพลภาพ
“อัจฉริยะ” ยอมเสี่ยงชีวิต มาขึ้นไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาล พร้อมเปิดแผลผ่าตัดโชว์นักข่าว
"อิสราเอล" บิดหยุดยิง ถล่มเวสต์แบงก์ดับเกลื่อน "ฮามาส" รวมพลด่วน
ตม.4 บุกทลายเว็บพนันฯเกาหลีใต้ ใช้ไทยเป็นฐานบัญชาการควบคุมทั่วโลก เงินหมุนเวียน 100 ล้านบาท
เปิดคำพิพากษา “เต้ มงคลกิตติ์” ทำสัญญาประนีประนอม ยอมขอโทษ หมิ่นกล่าวหา “ศักดิ์สยาม”

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น