ครอบครัวเชื่อมจิต และทนายธรรมราช ส่งตัวแทนทนายความ ยื่นหนังสือทวงถามสำนักพุทธศาสนา หาความหมายลัทธิ พร้อม ปฏิเสธไม่ใช่บอดี้การ์ดธรรมราช แจงเป็นทนายความ
ข่าวที่น่าสนใจ
หลังจากที่ทนายธรรมราช พาน้องไนซ์และครอบครัว เข้ายื่นเอกสารเพิ่มเติมประกอบคำให้การสู้คดีฉ้อโกงผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แก่พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการประทำความผิดกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เมื่อวาน (4 มิ.ย.) ที่ผ่านมา โดยระบุว่าเตรียมเข้ายื่นหนังสือต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) เพื่อให้ช่วยไขข้อข้องใจกรณีที่ออกมาแถลงการณ์ก่อนหน้านี้และใช้คำว่า “ลัทธิ” เรียกกลุ่มของตน
ล่าสุดวันนี้ (5 มิ.ย. 67) เมื่อเวลา 10.00 น. ทนายธรรมราช ได้มอบหมายให้นายสิทธิชัย ทองศรี หรือ ทนายเสือ เดินทางมายังสำนักงานพระพุทธศาสนา เพื่อยื่นหนังสือถึงผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนา เกี่ยวกับหนังสือที่ ทางสำนักพระพุทธศาสนา ส่งมาโดยใจความหนังสือระบุ ว่า “ลัทธิเชื่อมจิต” โดยมีการตั้งคำถามเกี่ยวกับ คำว่าลัทธิในความหมายตามหนังสือนี้ มีความหมายว่าอย่างไร หมายถึงใคร เพราะมันจะมีผลทางกฎหมายต่อไป
นายสิทธิชัย กล่าวว่า วันนี้ตนได้รับมอบหมาย ให้มายื่นหนังสือเพื่อสอบถามใน 2 คำถามคือ คำว่าลัทธิแปลว่าอะไร และคำว่ากลุ่มลัทธิเชื่อมจิตหมายถึงใคร ส่วนสาเหตุที่ต้องมายื่นหนังสือเพื่อถามหาความหมายใน 2 ประเด็นนี้ ให้ไปถามทนายธรรมราช ซึ่งวันนี้ตัวของทนายธรรมราชนั้น ติดภารกิจอยู่ที่ศาลจังหวัดเชียงราย เพิ่งจะขึ้นเครื่องไปเมื่อเวลาช่วงเช้าที่ผ่านมา ส่วนของพ่อและแม่ของน้องไนซ์ ก็จะต้องขึ้นเครื่องเดินทางกลับสุราษฎร์ด้วยเช่นกัน ซึ่งจริงๆแม่ของน้องจะเดินทางมายื่นเอง
หลังจากยื่นหนังสือถามความหมายสำนักพุทธศาสนาแล้ว หลังจากนี้ซึ่งคาดว่าประมาณ 2 สัปดาห์ ก็จะทราบผลและทางทนายธรรมราชก็จะเป็นผู้แถลงข่าวชี้แจง ส่วนประเด็นที่จะมีการดำเนินคดีกับสื่อมวลชนจากที่มีการนำภาพของน้องไปเผยแพร่นั้น ก็ต้องถามทนายธรรมราชและครอบครัว เมื่อวานนี้ ตนและครอบครัวของน้องไนซ์ ได้เดินทางไปหาพระพยอม เพื่อไปกราบไหว้เท่านั้นเองไม่ได้มีอะไร บรรยากาศก็เป็นไปด้วยดี ส่วนรายละเอียดตนไม่ได้เดินทางเข้าไปข้างใน
สำหรับหนังสือที่มายื่นในวันนี้ เป็นไปตามข้อพิพาทที่ยังมีอยู่ตอนนี้ เป็นหนังสือตามในเพจเลย แต่ไม่ได้ระบุว่า ใครลงชื่อในท้ายหนังสือ ส่วนกรณีทางพม. ให้หยุดการดำเนินการกิจกรรมของน้องไนซ์ ก็ได้มีการพูดคุยก็ว่ากันไปตามกระบวนการ และหลังจากนี้ขอหยุดให้การสัมภาษณ์ใดๆ หากจะพูดคุยอะไรก็ให้ไปคุยที่ศาลอย่างเดียวเพราะยิ่งพูดก็ยิ่งผิด ส่วนกระแสข่าวที่ใครหลายคนมองว่า ตนเป็นบอดี้การ์ดของทนายธรรมราชนั้น ขอตอบตรงนี้ ปฏิเสธว่า ไม่เป็นความจริงตนเป็นทนายความเป็นหนึ่งในทีมงานเท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง