มิถุนาฯอันตราย!งานหิน "มหากูรูเนติบริกร" ค้ำเก้าอี้นายกฯไม่ได้ต้องเปิดดีลใหม่เสียท่าฝ่ายอนุรักษ์นิยม 18 มิ.ย. "ทักษิณ" หนี "พท." ดันทุรังนิรโทษกรรม 112 ทำเพื่อนาย รัฐบาลสลายขั้วงามไส้แน่ ลากการเมืองวิกฤตซ้ำรอย นิรโทษกรรมสุดซอย ปี 56
ข่าวที่น่าสนใจ
“พท.” พึ่ง “วิษณุคอนเน็คชั่น” ค้ำเก้าอี้นายกฯ
ภารกิจเฉพาะเร่งด่วนที่สุดของ “อาจารย์วิษณุ” คือ พา “นายกฯเศรษฐา” ให้รอดคมดาบ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ไปให้ได้ เบื้องต้น “อาจารย์วิษณุ” ต้องร่างคำชี้แจงแก้ต่างคดีที่ “40สว.” ร้องปมแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” รัฐมนตรีที่มีชนักปักหลัง ก่อนส่งถึงมือ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ภายในวันที่ 10 มิถุนายนนี้ ซึ่งงานนี้ “อาจารย์วิษณุ” ต้องลงมือทำเองย่อมสะท้อนถึงความเสี่ยงขั้นขีดสุดของ “นายกฯเศรษฐา” เพราะกูรูเซียนกฎหมายในพรรคเพื่อไทยล้นพรรคยังไม่เรียกใช้งาน
เข้าทางเย้ยหยัน “เทพไท เสนพงศ์” อดีต สส.นครศรีธรรมราช คู่แค้นเก่าระบอบทักษิณ แขวะคำพูด “อุ๊งอิ๊ง” แพรทองธาร ชินวัตร ทายาททางการเมือง “นายใหญ่เพื่อไทย” ที่หลุดปากพูดว่า “อาจารย์วิษณุ” มาช่วยให้ “นายกฯเศรษฐา” รอดคมดาบ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ได้ เพราะ หวังพึ่ง “วิษณุคอนเน็คชั่น” ที่แนบแน่นกับเครือข่ายองค์กรอิสระ ที่สำคัญกลัวต้องเปิดดีลใหม่กับฝ่ายอนุรักษ์นิยม อาจทำให้ฝ่ายตนเสียเปรียบ จึงต้องยอมพึ่ง “อาจารย์วิษณุ” เปรียบเสมือนเครื่องช่วยหายใจต่ออายุตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ “เศรษฐา” ให้ได้ไปต่อ ด้วยการใช้ความรู้ความสามารถของการเป็นบิดาแห่งข้อยกเว้นของ “เนติบริกร” หาช่องทางให้เกิดปาฏิหาริย์ทางกฎหมายใช่หรือไม่
งามไส้แน่ 18 มิ.ย. “ทักษิณ” ไม่มาศาล “พท.” เข็นนิรโทษกรรม 112
ไม่เพียงเท่านั้น “อาจารย์วิษณุ” ต้องมาช่วยหาทางรอดให้กับคดี 112 ของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ต้องไปรายงานตัวภายในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ สังคมต่างพากันแทงพนัน ว่า “ทักษิณ” จะสู้คดี หรือ หนี ? หากเลือกหนทางสู้จะได้รับการประกันตัวหรือไม่ หรือ จะเลือกเผ่นหนีเป็นหนที่สอง เพราะคดี 112 ของ “ทักษิณ” เซียนการเมืองต่างฟันเปรี้ยงว่า รอดตัวยาก เพราะเคยมีประวัติและพฤติกรรมหลบหนีคดีมาก่อน
ดังนั้นคดี 112 ของ “ทักษิณ” จึงถูกผูกโยงกับนิรโทษกรรมคดี 112 ไปโดยปริยาย ทำให้บรรดาเซียนการเมืองต่างมองกันไปคนละมุม อาทิ มองว่า คดีชุมนุมทางการเมือง ทั้งม็อบเสื้อเหลือง ม็อบเสื้อแดง หรือ ม็อบเสื้อส้ม หากเป็นไปตามสถานการณ์การเมืองยอมรับได้ในการนิรโทษกรรมที่อยู่บนพื้นฐานความขัดแย้งระหว่างขั้วการเมือง แต่หากนำไปสู่การล้มล้างเพื่อเปลี่ยนระบอบการปกครองโดยใช้วาทกรรม “ประชาธิปไตย” บังหน้า หรือ จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทย สมควรได้รับการนิรโทษกรรมหรือไม่ ประเด็นนี้ต้องตกผลึกให้ได้ เพราะแทนที่จะนำไปสู่ความปรองดองสมานฉันท์ อาจสุมไฟขัดแย้งระลอกใหม่ให้ปะทุขึ้น ดังนั้นคดี 112 ทั้งที่มีแกนนำพรรคส้มโดนคดีขาแหย่คุกกันระนาว หรือ กรณี “ทักษิณ” ควรไปจบในกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่ไปจบด้วยการนิรโทษกรรมเหมาเข่ง ใช่หรือไม่
ขนาดลูกน้องเก่า “ทักษิณ” ปัจจุบันกลายเป็นคู่ปรับตลอดกาล “จตุพร พรหมพันธุ์” วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ออกมาชี้ชะตาคดีนายเก่าว่า เมื่อ “ทักษิณ” ถูกคดี 112 ยิ่งทำให้พรรคร่วมรัฐบาลสลายขั้ว ยิ่งไม่เห็นดีด้วยกับการนิรโทษกรรมคดี 112 แล้วจะมีแนวโน้มแบบพรรคเพื่อไทยเคยออก พรบ.นิรโทษกรรมสุดซอยเพื่อ “ทักษิณ” มาแล้วเมื่อปลายปี 2556 ดังนั้นเรื่องนี้จะะกลายเป็นปัญหาใหญ่ และเป็นระเบิดเวลาของพรรคเพื่อไทยอีก ซ้ำร้ายถ้าวันที่ 18 มิถุนายนนี้ “ทักษิณ” ไม่มาศาลจะงามไส้ แล้วถ้า “เพื่อไทย” ไปเสนอนิรโทษกรรมย่อมหนักเข้าไปกันใหญ่ ปัญหาจะเกิดวนกลับมาใหม่ ทำเพื่อคนๆ เดียว ไม่รู้จดจำบทเรียน แต่ทำให้ประชาชน ประเทศชาติเสียหายซ้ำๆ
ดั่งคำพูดที่ ลูกน้องเก่า “ทักษิณ” ตอกย้ำไว้ เริ่มเห็นพลพรรค “เพื่อไทย” หยิบยกนิรโทษกรรมคดี 112 ขึ้นมาพูดในชั้นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม เพราะรู้ดีเต็มอกใช่หรือไม่ว่า นายใหญ่เพื่อไทย ไม่น่ารอด เฉกเช่นชะตากรรม “นายกฯเศรษฐา” ที่อยู่ในอุ้มมือ “มหากูรูเนติบริกร” หากค้ำเก้าอี้ “นายกฯเศรษฐา” ไม่ได้ขึ้นมารัฐบาลเพื่อไทย งามไส้แน่!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง