“เลขาฯป.ป.ช.” ยันคดี “อนุรักษ์” ยึดตามหลักฐาน-ข้อเท็จจริง

"เลขาฯป.ป.ช." ยันคดี "อนุรักษ์" ยึดข้อเท็จจริง-หลักฐาน

ย้อนฟัง นิวัติไชย “เลขาฯป.ป.ช.” ยันคดี “อนุรักษ์” ยึดข้อเท็จจริง-หลักฐาน

สำหรับคดีของนายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ อดีต สส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย เรียกรับเงิน 5 ล้านบาทจากอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ที่ถูกศาลฎีกาสั่งพ้น สส.ฐานผิดจริยธรรม ตัดสิทธิทางการเมืองตลอดไป และอาญาก็ถูกศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จำคุก 6 ปี ไม่รอลงอาญา ก่อนเจ้าตัวจะได้ประกัน และยื่นอุทธรณ์ โดยจุดเริ่มต้นคดีนี้มาจากการสอบสวนและชี้มูลของป.ป.ช.เมื่อปี 2564 ซึ่งนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาฯป.ป.ช. เคยกล่าวในรายการ HOT SEATS เก้าอี้นี้มีคำตอบ ทางท็อปนิวส์ ออกอากาศเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนถึงรายละเอียดคดีดังกล่าวว่า ความจริงของนายอนุรักษ์มีหลายกรณี กรณีแรกที่ป.ป.ช.ชี้มูลก็คือเหมือนไปเรียกรับเงิน นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลขณะนั้น สิ่งที่ป.ป.ช.ดำเนินการอย่างรวดเร็วในเรื่องนี้ เนื่องจากนายศักดิ์ดาให้ความร่วมมือ มาพบเจ้าหน้าที่ป.ป.ช.และให้ข้อมูลตลอด รวมทั้งมีหลักฐานในโทรศัพท์มือถือที่มีรายละเอียด เมื่อเราได้ข้อเท็จจริงและหลักฐาน การทำงานของป.ป.ช.จึงรวดเร็ว ยืนยันไม่ได้กลั่นแกล้ง

ข่าวที่น่าสนใจ

ส่วนที่นายอนุรักษ์ชี้ว่า ป.ป.ช.รวบรัด พยานหลักฐาน ไม่รัดกุม มีแค่พยานบุคคลนั้น นายนิวัติไชย กล่าวว่า ความจริงอยู่ที่ศาล หากหลักฐานไม่พอก็อยู่ที่ดุลยพินิจของศาล ก็ต้องพิจารณาว่าไม่ครบถ้วนและไม่พิพากษาลงโทษ แต่อย่างไรก็ดีคดียังไม่ถึงที่สุด นายอนุรักษ์ยังมีสิทธิอุทธรณ์ ดังนั้นตนคิดว่ารอคำวินิจฉัยของศาล แต่เบื้องต้นที่ศาลลงโทษก็แสดงว่ามันมีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ส่วนที่นายอนุรักษ์อ้างว่าหลักฐานไม่ครบถ้วนไม่ถูกต้อง ก็เป็นข้ออ้างของนายอนุรักษ์ วันนี้เราดูข้อเท็จจริงกันดีกว่าว่าองค์กรที่มีหน้าที่ตัดสินดีท่านว่าอย่างไร

นายนิวัติไชย กล่าวอีกว่า ยังมีคดีที่นางสุวรรณี ตั้งปณิธานนท์ ภรรยาของนายอนุรักษ์ ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีเมืองมุกดาหาร ถูกกล่าวหาแต่งตั้งลูกสาวตัวเองเข้ามาทำหน้าที่เป็นเลขานุการนายกเทศมนตรี โดยนายอนุรักษ์ก็บอกว่าป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนซ้ำซ้อน ทั้งนี้ตนยืนยันว่า คดีแรกที่ป.ป.ช.มอบหมายให้พนักงานสอบสวนไป และอัยการสั่งไม่ฟ้อง เพราะเห็นว่าไม่มีมูล แต่ประเด็นที่ป.ป.ช.นำมาวินิจฉัยชี้มูลความผิดก็คือ ตัวของนางสุวรรณีเองเมื่อตั้งลูกสาวมาทำหน้าที่เลขานุการนายกเทศมนตรีแล้ว โดยหลักแล้วการเป็นลูกจ้างต้องทำงานเต็มเวลาและทำงานจริง แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากสำนวนที่ป.ป.ช.วินิจฉัย ท่านมองเห็นว่า ลูกสาวนายสุวรรณีไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนั้นจริง เพราะมีการไปเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพ แต่จ่ายเงินเดือนค่าตอบแทนตลอดเวลา

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ก.แรงงาน" เตรียมเปิดขึ้นทะเบียน "แรงงานต่างด้าว" รอบใหม่
เจาะ "MOU44" พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา "เกาะกูด" เป็นของใคร
"สมชัย" เผยเคยทำงานร่วม "กิตติรัตน์" ยอมรับเป็นคนเก่ง แต่เพราะเคยตามใจฝ่ายการเมืองทำประเทศชาติเสียหาย
ระทึก "รถทัวร์กรุงเทพฯ-เชียงแสน" ชน "รถพ่วง" พลิกคว่ำตกข้างทาง ผู้โดยสารบาดเจ็บอื้อ
"ศิริกัญญา" ปูดข่าว รบ.วางแผนยึดการบินไทย ส่ง 2 ผู้บริหารฟื้นฟู
โมเดลใหม่...ประมงสมุทรสงครามเปิดตัวกิจกรรม “สิบหยิบหนึ่ง” ปราบปลาหมอคางดำ จับมือเกษตรกรร่วมแก้ปัญหาในบ่อเลี้ยงเกษตรกรและแหล่งน้ำธรรมชาติ
"กองปราบฯ" รับโอนคดี "ซินแสชื่อดัง" หลอกผู้เสียหายสูญเงิน 66 ล้าน
กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 6 (ตรัง) ศึกษาดูงานด้านการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาล
"นครราชสีมา" เสี่ยงภัยแล้ง 10 อำเภอ ชลประทานประกาศงดทำนาปรังทั้งจังหวัด
"อัจฉริยะ" แจงผลสอบ "อาหารเสริม Eighteen 18" พบมีเลข อย.ถูกต้อง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น