สกู๊ปพิเศษจีน เยือนถิ่นมรดกทางวัฒนธรรม ต้นกำเนิดไหมจี๋หลี่

ขณะที่จีนเป็นศูนย์กลางการผลิตผ้าไหมที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก หมู่บ้านจี๋หลี่ แห่งเมืองหูโจวก็เป็นแหล่งกำเนิดเส้นไหมที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของจีน ไหมจี๋หลี่นั้นขึ้นชื่อว่ามีคุณภาพดีพรีเมี่ยมจนได้รับการยกย่องว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของจีน

ชื่อเสียงของไหมจี๋หลี่ย้อนกลับไปมากกว่า 750 ปีที่แล้วตั้งแต่ปลายราชวงศ์หยวน ซึ่งเป็นยุคที่หมู่บ้านจี๋หลี่เพิ่งก่อตั้ง จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นและเป็นที่มาของชื่อ “ไหมจี๋หลี่”นับแต่นั้นเป็นต้นมา ซินหัวและไชน่าเดลี่ย์ รายงานว่าไหมจี๋หลี่มีคุณสมบัติพิเศษแตกต่างไปจากไหมที่ผลิตในหมู่บ้านอื่นตรงที่ใยไหมมีความเหนียวนุ่ม เนื้อละเอียด ทอออกมาแล้วมีสีขาวมันวาว

ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่น ไหมจี๋หลี่ได้ถูกเลือกให้นำไปใช้ทอชุดฉลองพระองค์ของสมเด็จพระจักรพรรดิในสมัยราชวงศ์หมิง ทำให้ไหมจี๋หลี่เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ในปี 2394 พ่อค้าจีนที่นครเซี่ยงไฮ้ได้นำไหมจี๋หลี่ไปร่วมแสดงที่งานเวิร์ลด์เอ็กซ์โป (World Expo) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงลอนดอน ปรากฎว่าไหมจี๋หลี่ชนะรางวัลสูงสุดถึง 2 รางวัล กลายเป็นที่รู้จักในระดับสากลเป็นครั้งแรก และในปี 2554 ไหมจี๋หลี่ได้รับการบรรจุในรายชื่อมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของจีน ตรงที่มีเทคนิคการผลิตไม่เหมือนใคร โดยอุปกรณ์ที่ใช้สาวไหมที่หมู่บ้านจี๋หลี่แห่งนี้มีการออกแบบเป็นพิเศษ และมีการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ระหว่างสมาชิกหญิงในครอบครัว

วันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา (2567) นายหวาง อีชื่อ เกษตรกรผู้เลี้ยงไหมวัย 67 ปีได้นำคณะผู้แทนจากหลายภาคส่วนของไทย รวมทั้งสถานีโทรทัศน์ Top News ในฐานะแขกของกระทรวงต่างประเทศจีนชมหมู่บ้านจี๋หลี่อันเก่าแก่ รวมทั้งโรงเลี้ยงหนอนไหม ศูนย์สาธิตการทอไหมด้วยมือและเครื่องสาวไหมทำด้วยไม้แบบดั้งเดิม ตลอดจนพิพิธภัณฑ์ไหมจี๋หลี่ ซึ่งถือเป็นไฮไลท์และผลงานชิ้นโบว์แดงที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของลุงหวาง

ลุงหวางลงทุนก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ไหมจี๋หลี่ เพื่อใช้เป็นที่จัดแสดงสิ่งของและอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องไม้ต่างๆที่เกี่ยวกับไหมจี๋หลี่กว่า 300 ชิ้น ซึ่งของจัดแสดงเหล่านี้ ลุงหวางได้ใช้เวลารวบรวม, สะสมและเสาะหามานานหลายปี ก่อนที่จะเปิดให้สาธารณชนและนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมเป็นครั้งแรกในปี 2561 โดยไม่เก็บค่าเข้าชมแต่อย่างใด หวังเพียงอนุรักษ์และสืบทอดวิธีการสาวไหมโบราณแห่งหมู่บ้านจี๋หลี่ไม่ให้สูญหายไปกับกาลเวลาเท่านั้น

และด้วยเทคโนโลยีด้านพันธุกรรมที่ทันสมัยมากขึ้นในปัจจุบัน ช่วยให้เกษตรกรแห่งหมู่บ้านจี๋หลี่สามารถเพาะพันธุ์หนอนไหมที่ผลิตใยไหมออกมาได้หลายหลากสี มีทั้งเหลืองอ่อน, เหลืองทองและชมพูอ่อน ซึ่งเป็นสีธรรมชาติที่ไม่ต้องย้อม

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

งานเข้า! "ตำรวจไซเบอร์" ชี้ล่าเหรียญ "Jagat" ฟันผิดกฎหมาย พบ 3 บัญชีโอนเงินผู้เล่นจริง จ่อเรียกสอบ
ฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐานยังคลุมทั่ว กทม. พื้นที่สีแดง 14 เขต
บึ้มสนั่นกลางดึก ชาร์จรถ 3 ล้อไฟฟ้า เกิดไฟฟ้าลัดวงจรลามไหม้ร้านของชำ หวิดวอดทั้งหลัง
กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศหนาวในตอนเช้า อุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย เตือนภาคใต้มีฝนตกบางแห่ง
"กรมโยธาฯ" จับมือ "คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล" ลงนาม MOU ช่วยชีวิตผู้ป่วยด้วยการบริจาคโลหิต
“ไทด์” แฉลึก! ยศใหญ่โทรปิดเกม สั่งย้าย “แตงโม” เข้านิติเวช รพ.ตำรวจ
เมียไรเดอร์ เปิดใจเสียงสั่น กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังรู้ข่าว หนุ่มอินเดียซิ่งเก๋งได้ประกันตัว ลั่น ‘คนมีเงินมันยิ่งใหญ่’
นายกฯ เปิดงาน Thailand Reception เชิญชวนสัมผัสเสน่ห์อาหารไทย ชูศักยภาพเศรษฐกิจ
จีนแห่ ‘โคมไฟปลา’ แหวกว่ายส่องสว่างในอันฮุย
"พิพัฒน์" ตรวจเยี่ยมเอกชน ต้นแบบอุตสาหกรรม ผลิตด้วยเทคโนฯ AI พร้อมเร่งนโยบาย up skill ฝีมือแรงงานไทย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น