วันที่ 9 มิ.ย. 67 นายสถาพร เกื้อสกุล ผู้ประกาศข่าวท็อปนิวส์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า จากกรณี เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2567 ศาลชั้นต้น ได้พิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี และปรับคนละ 1 แสนบาท โทษจำคุกรอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี ผมในฐานะจำเลยที่ 2 เคารพในคำตัดสินของศาล และ ยืนยันจะทำหน้าที่นำเสนอข่าวในฐานะสื่อมวลชน ที่ ได้นำเสนอข้อเท็จจริง เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคม ต่อไป
ข่าวที่น่าสนใจ
แต่สิ่งที่ได้กลายเป็นประเด็นที่กำลังถกเถียงกันอยู่ว่า เกิดการเจรจาอะไรขึ้นระหว่างโจทก์ กับ จำเลย ก่อนมีคำพิพากษาคดีนี้
หลังจากที่ผมในฐานะจำเลยที่ 2 ถูกฟ้องดำเนินคดี เราก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ศาลได้มีการนัดไต่สวนพยานโจทก์ และ พยานจำเลย ในวันที่ 17 เมษายน 2567 ผมซึ่งเป็นพยานจำเลย คนสุดท้ายที่ขึ้นไต่สวนในวันดังกล่าว
การไต่สวนพยาน เริ่มตั้งแต่เช้า และต่อในช่วงบ่าย หลังจากที่การไต่สวนเสร็จสิ้น ทางศาลก็นัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 6 มิถุนายน 2567
ขณะที่ผม และ ทนายความ ได้ดำเนินการเซนต์เอกสารต่อหน้าเจ้าหน้าที่ธุรการศาล ทางทนายโจทก์ ได้ เดินมาหา และ ได้แจ้งว่าทางโจทก์ ต้องการที่จะขอถอนฟ้องคดีดังกล่าว เพราะไม่ได้ต้องการมีคดีความใด ๆ กับสื่อมวลชน โดยที่ทางโจทก์อยากจะขอพื้นที่ออกสื่อของ TOP NEWS ซึ่งขณะนั้นผม จำเลยที่ 1 และทนายความ ก็ยืนฟังทนายโจทก์พูดอยู่ด้วยกัน ผมเองก็บอกว่าถ้าเป็นความประสงค์ของโจทก์ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
ทางทนายโจทก์ก็ได้เรียกให้โจทก์เดินเข้ามาสมทบ ซึ่งทางโจทก์ก็ได้เอ่ยขึันมาว่าขอโอกาสในการออกรายการของ TOP NEWS แต่จะไม่ได้พูดเรื่องคดี ที่เพิ่งมีการไต่สวนพยานเสร็จสิ้นไปแล้ว แต่ต้องการพูดถึงการจัดตั้งมูลนิธิฯ ของโจทก์ขึ้นมาว่า เพื่อวัตถุประสงค์ใด และการฟ้องกลับทางด้าน ป.ป.ช.ว่ามีเหตุผลใด
ผมกับ จำเลยที่ 1 ก็แจ้งว่าคงต้องขอไปคุยกับทางด้าน บก.บห. ของสถานีว่าจะออกรายการใดได้บ้าง หลังจากนั้นผมก็ขอไลน์ และเบอร์โทรของโจทก์ เพื่อไว้ติดต่อกลับ
หลังออกจากศาลผมก็ได้โทรหา บก.บห. ของสถานี แจ้งความประสงค์ของโจทก์ให้รับทราบ และได้ให้เบอร์โทรของโจทก์กับทาง บก.บห. เพื่อประสานงาน ต่อในเรื่องการนัดออกอากาศ
จนกระทั้งการบันทึกเทป โจทก์ ได้ออกอากาศเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2567 วันที่ 2 มิถุนายน 2567 เวลา 10.20 น. ผมได้ส่งลิ้งค์การออกอากาศเทปดังกล่าวให้กับโจทก์ และ ถามว่า เรื่องการไปถอนคดีก่อนวันที่ 6 มิถุนายน 2567
ทางโจทก์ ก็แจ้งว่าได้ปรึกษาทางทีมที่ปรึกษาแล้วต้องการให้จำเลย ทั้งสอง ร่างหนังสือ ว่าสิ่งที่พูดออกอากาศนั้นเกิดการคลาดเคลื่อน เพื่อตัวโจทก์จะใช้ให้ทนายทำหนังสือถึงศาลเพื่อถอนคดี
ซึ่งทางโจทก์แจ้งว่าถ้าหากอยู่ ๆ ถอนคดีก่อนอ่านคำพิพากษาวันสองวันอาจจะทำให้ศาลมองว่าโจทก์ได้รับประโยชน์ ทำให้เกิดความเสียหาย จึงต้องมีหนังสือแนบดังกล่าว
ผมก็ถามย้ำว่าวันที่ 6 มิถุนายน 2567 ยังจะต้องไปศาลหรือไม่ ทางโจทก์ก็แจ้งว่า ให้ไปศาลตามปกติ และย้ำว่า ไม่ต้องกังวลทำตามที่รับปากไว้
ส่วนหนังสือที่ทางโจทก์ขอให้มีการร่างส่งไปเพื่อให้ทนายแนบยื่นถอนคดี ถูกส่งให้โจทก์ดูในวันที่ 5 มิถุนายน 2567
จนกระทั่งวันที่ 6 มิถุนายน 2567 ผมในฐานะจำเลยก็ไปศาลปกติ ส่วนทางโจทก์นั้นทั้งทางทนาย และตัวโจทก์เองไม่ได้มาศาล มีเพียงตัวแทนมาฟังคำพิพากษาเท่านั้น
จนกระทั่งศาลมีคำตัดสินดังกล่าว หลังจากศาลมีคำพิพากษา ผมได้โทรหาโจทก์ แต่โจทก์หลายครั้ง แต่ไม่ได้รับสาย จนกระทั่ง วันที่ 8 มิถุนายน 2567 ทางโจทก์ได้ส่งคำชี้แจง ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวมาให้ฟัง ผ่านทางช่องทางยูทูป และหลังจากนั้นมีการคุยกันทางโทรศัพท์อีก 2 ครั้ง ทางโจทก์ได้ชี้แจงว่าไม่ได้ผิดคำพูด และแจ้งว่าทางโจทก์นั้น จะไม่มีการอุทธรณ์แย้ง ในชั้นศาลอุทธรณ์อีกต่อไป แล้วซึ่งทางผมในฐานะจำเลย ก็ยืนยันไปกับทางโจทก์แล้วว่าในวันดังกล่าวทนายโจทก์เป็นคนมาเจรจาก่อนว่า ทางโจทก์จะขอถอนฟัอง ทางเราจึงได้ปฎิบัติตามคำขอ คือให้โจทก์นั้นได้มาออกอากาศที่ TOP NEWS
จึงเรียนชี้แจงมาเพื่อทราบ
หมายเหตุ*** การแสดงความคิดเห็นใด ๆ ก็ตาม จะต้องไม่กระทบต่อสิทธิ์ของบุคคลอื่น หากมีการละเมิดบุคคลใดก็ตาม ตัวผู้กระทำต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
