“นพ.มนูญ”เผย ยังไม่พบโควิดสายพันธุ์อินเดียระบาดในไทย

จากกรณีที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอกที่ 3 โดยเชื้อดังกล่าวถือเป็นเชื้อที่มีความรุนแรงอย่างสายพันธุ์อังกฤษ ที่เกิดจากคลัสเตอร์สถานบันเทิงย่านทองหล่อ โดยเชื้อดังกล่าว มีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และมีอาการที่เปลี่ยนไปจากการระบาดในครั้งก่อนๆ ทำให้ประเทศไทย ได้รับผลกระทบอย่างหนัก

โดยวันนี้ทีมข่าว TOPNEWS ได้สอบถามเรื่องนี้กับ นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้าน โรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ เกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 ระลอก 3 ในประเทศไทย โดย นพ.มนูญ กล่าวว่า การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอกที่ 3 นั้นเกิดจากสายพันธ์อังกฤษ ที่ผ่านเข้ามาจากประเทศกัมพูชา เนื่องจากก่อนหน้านี้ โควิดสายพันธุ์อังกฤษกำลังระบาดในประเทศกัมพูชาประมาณ 2 เดือน ก่อนที่ประเทศไทยจะได้รับเชื้อตามมา ซึ่งเวลาเพียง 4 สัปดาห์เท่านั้น ตัวเลขของผู้ติดเชื้อในไทยเพิ่มขึ้นถึงหลักหมื่นราย

ส่วนโควิดสายพันธุ์อินเดียนั้น ยังไม่พบว่ามีการระบาดในประเทศไทย จึงยังไม่สามารถระบุได้ว่า จะรุนแรงมากหรือน้อยกว่าสายพันธุ์อังกฤษ เพราะอาจจะเกิดการกลายพันธุ์ก็ได้ เพราะไม่ว่าประเทศใดก็ตามที่มีการระบาดอย่างหนัก มีความเป็นไปได้สูงว่าเชื้ออาจเกิดการกลายพันธุ์ ซึ่งจะต้องให้นักกลายพันธุ์วิทยาเป็นผู้ตรวจสอบ ว่ายีนส์ของสายพันธุ์ชนิดนั้นๆ รุนแรงมากขนาดไหน ส่วนการกลายพันธุ์ของสายพันธุ์อังกฤษที่เกิดขึ้นในไทยนั้น มีความรุนแรงเท่ากับสายพันธุ์อังกฤษตัวเดิม คือติดได้ง่ายกว่าสายพันธุ์ของจีน ประมาณ 70% และรุนแรงมากขึ้น ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 30-40%

ส่วนกรณีที่จะมีคนไทยในประเทศอินเดีย เดินทางกลับเข้ามาในไทยช่วงเดือนพฤษภาคมนั้น อาจจะมีโอกาสนำเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียติดเข้ามาด้วย ฉะนั้นผู้ที่เดินทางกลับเข้ามา จะต้องทำการกักตัวอย่างน้อย 14 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย

นอกจากนี้ นพ.มนูญ ยังได้ให้ข้อมูลเรื่องของพลาสมา ที่นำมารักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยกล่าวว่า พลาสมาคือน้ำเลือด ที่ถูกแยกออกมาจากเม็ดเลือดแดง ซึ่งพลาสมา ที่จะนำมารักษาผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 นั้น จะต้องเป็นพลาสมาของคนที่เคยติดเชื้อโควิด-19 มาก่อน ซึ่งพลาสมาที่ได้มานั้น จะนำมารักษาให้กับผู้ติดเชื้อในระยะแรกเท่านั้น เนื่องจากพลาสมา จะเข้าถูกนำไปสร้างเป็นภูมิคุ้มกันเชื้อ สามารถเข้าไปจับเชื้อไม่ให้แพร่กระจายลงปอดและอวัยวะที่สำคัญ ขณะเดียวกันจะไม่สามารถนำพลาสมาให้กับผู้ที่ติดเชื้อในระยะที่ 2 และ 3 ได้ เนื่องจากเชื้อได้แพร่กระจายลุกลามไปแล้ว

สำหรับผู้ที่ต้องการจะบริจาคพลาสมานั้น จะต้องมีร่างกายที่แข็งแรง อยู่ในช่วงอายุ 25-45 ปี ที่สำคัญ พลาสมาที่จะมาสร้างภูมิคุ้มกันได้ จะต้องตรงกับสายพันธุ์กับผู้ที่ติดเชื้อ นั่นหมายความว่า ผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อังกฤษ จะต้องได้รับพลาสมา จากผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อังกฤษเท่านั้น ไม่สามารถใช้พลาสมาของที่เคยติดเชื้อจากสายพันธุ์จีน ในระลอก 1 และ 2 ได้ จึงทำให้จนถึงขณะนี้ พลาสมาไม่เพียงพอต่อการรักษา แต่นั้นไม่ได้แปลว่าจะไม่สามารถรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ได้ เพราะในปัจจุบันประเทศไทย ได้รับยารักษา ที่จะช่วยป้องกันการลุกลามของเชื้อโควิดเข้าสู่ร่างกายโดยตรง พลาสมาจึงเป็นตัวเสริมที่ในการรักษาเท่านั้น

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เพื่อไทยประกาศชัยชนะ เลือกตั้งนายกอบจ.อุดรธานี "ศราวุธ" คะแนนทิ้งห่าง "คณิศร" จากพรรคปชน.
เลือกตั้งนายกอบจ.นครศรีธรรมราช “น้ำ วาริน” คะแนนนำ “กนกพร” โค่นแชมป์เก่า
เล็ก ฝันเด่น มอบสิ่งของที่มีสารไอโอดีนให้ ทรภ.1 นำสู่น้อง ๆ สู่พื้นที่ภาคเหนือ
รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จัดงานวันเบาหวานโลก “World Diabetes Day 2024”
เลือกตั้ง นายก ทต. ท่าพริกเนินทราย คึกคัก
รถบรรทุก 6 ล้อ ไหลลงเนินเขา เบรกไม่อยู่ พุ่งชนร้านค้า โชคดีไร้ผู้บาดเจ็บ
“ปานเทพ” แนะ “หมอบุญ” กลับไทยยังไม่สาย ลั่นหากคิดว่าตัวเองไม่ผิด ก็มาแสดงความบริสุทธิ์
"แสวง" เลขากกต.รับ ผู้มาใช้สิทธิ์เลือกนายกอบจ.อุดรธานี บางตา ย้ำรู้ผลคะแนนไม่เกิน 3 ทุ่มวันนี้
สดุดีทหารกล้า สละชีวิตเหตุคนร้ายซุ่มยิงทหารพราน ในพื้นที่ยะลา
"ชูศักดิ์" ชี้สัญญาณดี ศาลฯไม่รับคำร้องคดี "ทักษิณ-พท." ล้มล้างการปกครอง พร้อมแจงคดีครอบงำต่อกกต.

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น