เริ่มวันนี้ มาเลเซียเลิกอุดหนุนน้ำมันดีเซล ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นราว 50 เปอร์เซ็นต์ เล็งเปลี่ยนการอุดหนุนแบบครอบคลุมที่ต้องใช้เงินมหาศาล เป็นการมุ่งช่วยเหลือกลุ่มยากจน
เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนของวันนี้ มาเลเซียประกาศขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเป็นแบบลอยตัว ซึ่งถือเป็นการขึ้นราคาถึงร้อยละ 50 ทำให้น้ำมันมีราคาอยู่ที่ 3.35 ริงกิต (ราว 26 บาท) ต่อลิตร
มาเลเซียซึ่งอุดหนุนราคาเชื้อเพลิง น้ำมันพืช และข้าวอย่างหนัก รวมถึงสินค้าพื้นฐานอื่นๆ พบว่า การอุดหนุนทำให้ต้องใช้งบประมาณ พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ท่ามกลางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ดีดตัวสูงขึ้น ทำให้สถานะทางการคลังตึงตัว เฉพาะเงินอุดหนุนดีเซลเพียงอย่างเดียว เพิ่มขึ้น 10 เท่าจาก 1พัน 4 ร้อยล้านริงกิตในปี 2562 เป็น 1 หมื่น 4 พัน 3 ร้อยล้านริงกิตในปี 2566
รัฐบาลกล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า แผนการลดการอุดหนุนน้ำมันดีเซลในปีนี้ คาดว่าจะช่วยประหยัดเงินได้ประมาณ 4 พันล้านริงกิต (3 หมื่น 1 พันล้านบาท) ต่อปี ซึ่งงบที่ประหยัดได้ส่วนนี้ จะมุ่งนำไปช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยโดยตรง โดยรัฐบาลจะมอบความช่วยเหลือเป็นเงินสด แก่เกษตรกรรายย่อย
แต่ ราคาน้ำมันจะยังคงถูกตรึงอยู่ที่ 2.15 ต่อลิตรบนเกาะบอร์เนียว และยานพาหนะในระบบโลจิสติกส์ ชาวประมงและระบบขนส่งสาธารณ เช่น รถโรงเรียน และรถพยาบาล ยังคงได้รับการอุดหนุน
กระทรวงการคลังกล่าวว่า แม้จะมีการลดเงินอุดหนุน แต่ราคาน้ำมันดีเซลในมาเลเซียจะยังคงเป็นหนึ่ง ในราคาที่ต่ำที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยราคาขายปลีกน้ำมันอยู่ที่ 8.79 ริงกิตต่อลิตร (68.4 บาท)ในสิงคโปร์, 4.43 ริงกิต (34.64 บาท) ในอินโดนีเซีย และ 4.24 ริงกิต (33.16 บาท) ในไทย
นอกจากนี้ นาย อามีร์ ฮัมซาห์ อาซีซาน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังคนที่สองของมาเลเซียกล่าวว่า การอุดหนุนราคาน้ำมัน ได้เชิญชวน ให้มีการลักลอบน้ำมันไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน และการยักยอกในภาคที่ไม่มีสิทธิ์ใช้น้ำมันดีเซลที่ได้รับการอุดหนุน ซึ่งการยกเลิกอุดหนุนน้ำมันดีเซลตามเป้าหมาย จะช่วยเสริมสร้างสถานะทางการเงินของประเทศในระยะยาว และหยุดการรั่วไหล ที่ส่งผลเสียต่อประชาชนและประเทศชาติ โดยราคาน้ำมันดีเซลจะถูกประกาศใหม่ในทุกสัปดาห์ และรัฐบาลจะติดตามสถานการณ์ปัจจุบันต่อไป เพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของราคา