วันที่14 ก.ย. 2564 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำอดีตผู้ต้องขัง พร้อมหลักฐานการโอนเงินเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) โดยแจ้งว่าในระหว่างที่ถูกควบคุมภายในเรือนจำ มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้เรียกรับเงิน เพื่อเป็นค่าตอบแทนในการดำเนินการเลื่อนชั้นหรือลดชั้นและได้รับการอภัยโทษ โดยต้องจ่ายเงินให้เป็นค่าตอบแทนครั้งละหลักหมื่นถึงแสนบาท ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในปี 2560 ก่อนที่ตนจะมารับตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม โดยเรื่องในลักษณะแบบนี้ตนจะไม่ยอมให้เกิดในสมัยที่ตนเป็นรัฐมนตรีเด็ดขาด โดยได้กำชับกับข้าราชการและเจ้าหน้าที่อยู่เสมอ ส่วนความคืบหน้าของเรื่องดังกล่าว กรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงกับผู้ถูกกล่าวหา และอธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้สั่งย้ายเจ้าหน้าที่ดังกล่าวแล้ว ซึ่งตนได้กำชับให้ดำเนินการให้รวดเร็วเพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า เราไม่ได้นิ่งนอนใจ เนื่องจากเป็นการกล่าวหาต่อการปฏิบัติหน้าที่อันมิชอบของเจ้าหน้าที่ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กร โดยทางกรมราชทัณฑ์ได้ให้เรือนจำชลบุรีตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง ทั้งนี้ ได้รับรายงานจากนายชาญ วชิรเดช ผู้บัญชาการเรือนจำกลางชลบุรี กรณีที่เป็นข่าวนั้น เกิดขึ้นช่วงปี พ.ศ.2560
ซึ่งกรมราชทัณฑ์ได้รับเรื่องราวร้องทุกข์ ร้องเรียนกล่าวหาเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางชลบุรี นายสรวัชร์ ม่วงทอง และนายเจษฎาพร จ่าพันนา ว่าร่วมกันเรียกรับเงินจาก น.ช.จำรัส หอมชิต แลกกับการเลื่อนชั้นและความเป็นอยู่ จึงได้ให้เรือนจำกลางชลบุรีตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งเรือนจำกลางชลบุรีได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และรายงานผลการสอบสวนพร้อมเอกสารให้กรมราชทัณฑ์พิจารณา ต่อมา กรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงแก่ผู้ถูกกล่าวหา ตามคำสั่งกรมราชทัณฑ์ที่ 558/2563 ลงวันที่ 16 เม.ย. 2563 ซึ่งปัจจุบันได้มีการสอบข้อเท็จจริงจากผู้เกี่ยวข้องเสร็จสิ้นแล้ว อยู่ระหว่างพิจารณาข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และพยานหลักฐาน เพื่อเสนอรายงานการสอบสวน
“ผมได้เน้นย้ำกับกรมราชทัณฑ์ ให้เรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่งดำเนินภายใต้กรอบของกฎหมาย ยึดหลักคุณธรรมโปร่งใส ตรวจสอบได้ หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่คนใดประพฤติมิชอบกระทำตามที่ได้กล่าวอ้าง เราพร้อมดำเนินการทางวินัยและตามกฎหมายต่อไป และหากประชาชนคนใดพบเรื่องในลักษณะดังกล่าว รวมทั้งไม่ได้รับความเป็นธรรมสามารถร้องเรียนได้ที่กระทรวงยุติธรรม หรือสำนักงานยุติธรรมจังหวัดทั่วประเทศ หรือสายด่วน 1111 กด 77” นายสมศักดิ์ กล่าว