เกษตรกรโคราช 3 อำเภอ เดินทางเข้ายื่นหนังสือนายกรัฐมนตรี เพื่อให้แก้ไขปัญหามันสำปะหลังตกต่ำสุดในรอบ 3 ปี จากราคามัน 3.40 บาท ต่อกิโลกรัม ปัจจุบันเกษตรกรรายได้เพียง 1.80 บาท/กิโลกรัม ทั้งที่เกษตรมีต้นทุน 2.50 บาท/กิโลกรัม เหตุจากนักลงทุนนำเข้าแป้งข้าวสาลีจากหลายประเทศ ทำให้ความต้องการอาหารสัตว์จากมันสำปะหลังลดลงตามภาวะตลาด
นายสุเทพ ทันค้า ตัวแทนพี่น้องเกษตรผู้ปลูกมันสำปะหลัง 3 อำเภอ คือ อำเภอหนองบุญมาก อำเภอครบุรี และอำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมาเดินทางมากว่า 200 คน พร้อมพี่น้อง เกษตรกรผู้ปลูกมันสําปะหลังในจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดอื่นๆ ได้รับความเดือดร้อน จากราคามันสำปะหลังที่ตกต่ำและมีทิศทางราคา แย่ลงเรื่อย ๆ จากนโยบายของกระทรวงพานิชย์ที่ไม่ดำเนินนโยบายปกป้องเกษตรกรและดูแลการค้าอย่างเป็นธรรม โดยเฉพาะการที่ผู้ประกอบการสมาคมอาหารสัตว์ ได้นำเข้าธัญพืชจากต่างประเทศ เช่น ข้าวสาลี ข้าว บาร์เลย์ และอื่นๆ โดยนำเข้าอย่างเงียบๆ มาใช้เลี้ยงสัตว์ในปริมาณมหาศาล และไม่แจ้งปริมาณที่ชัดเจน ทำให้ฟาร์มใหญ่ๆ ของนายทุนเลิกใช้ธัญพืชที่เกษตรกรไทยปลูก เช่น มันสำปะหลังเส้น ข้าวโพด กากมัน ทำให้วงจรการผลิต การแปรรูป หยุดชะงัก ผู้ประกอบการแปรรูปปิดกิจการ และ ลุกลามมาถึงเกษตรกรที่เป็นผู้ปลูก ไม่มีจุดเปิดรับซื้อ ราคาตกต่ำ ขายได้ในราคาขาดทุน สร้าง ความเดือดร้อนให้แก่ พี่น้องเกษตรกรคนไทยและการค้าทั้งระบบ จนอาจจะต้องล้มละลาย สูญเสียศักยภาพด้านการผลิตและบั่นทอนอาชีพเกษตรกรไทย และการส่งออกมันสำปะหลัง เพื่อ นำรายได้เข้าประเทศไทย ซึ่งในต่างประเทศ รัฐบาลเขาจะปกป้องผลประโยชน์ ของเกษตรกรกร กีดกันการนำเข้าสินค้าเกษตรที่ส่งผลต่อราคาและตลาดของสินค้าเกษตรภายในประเทศ ยกเว้น ขาดแคลน ไม่เพียงพอ หรือกรณีฉุกเฉินเท่านั้น แต่ปัจจุบัน นายทุนใหญ่ กลับได้รับการอำนวย ความสะดวกจากหน่วยงานราชการ กระทรวงพาณิชย์ ให้นำเข้าข้าวสาลี และสินค้าอื่นๆเข้ามา แบบไม่มีการกำหนด ปริมาณและได้รับสิทธิด้านภาษี จนสินค้าเกษตรไทย ขายแข่งไม่ได้ นับเป็น การรังแกเกษตรกรไทยอย่างเลือดเย็น อ้างแต่ความเดือดร้อนของธุรกิจตัวเอง และในอนาคตมีการเสนอให้ยกเลิกมาตราการปกป้องโควต้า 3:1 เพื่อเปิดทางให้นำเข้าข้าวสาลีอย่างเสรี อย่างนี้เรา ปลูกพืชแล้วจะไปขายให้ใคร นี่คือความเห็นแก่ตัวของกลุ่มนายทุนที่ไร้คุณธรรม