“บิ๊กเต่า” ลั่นฟัน 157 หากพบเจ้าหน้ามีส่วนเกี่ยวข้อง เรือบรรทุกน้ำมันของกลางหายไป 3 ลำ จากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พร้อมเตรียมออกหมายจับลูกเรือทั้ง 18 คน

ความคืบหน้ากรณีที่กองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) รายงานว่าเรือบรรทุกน้ำมันของกลางขนาดใหญ่จำนวน 3 ลำ ซึ่งบรรจุน้ำมันรวมกว่า 3.3 แสนลิตร หายไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
ล่าสุดวันนี้ (13 มิถุนายน) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วย พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผู้กำกับ 5 กองบังคับการตำรวจน้ำ และเจ้าหน้าตำรวจสอบสวนกลาง ลงพื้นที่ตรวจสอบหาข้อเท็จจริง เรือบรรทุกน้ำมันหาย 3 ลำ ณ ท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ก่อนเข้าประชุมเร่งรัดหาข้อเท็จจริง
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า การดำเนินการติดตามเรือที่หาย ได้มีการตั้งคณะกรรมการในการดำเนินคดีออกเป็น 3 ส่วน คือ เจ้าาหน้าที่ตำรวจน้ำที่ปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง และในส่วนของลูกเรือ โดยได้ตั้งกองอำนวยการสืบสวนหาข้อเท็จจริงถึงสาเหตุเรือบรรทุกน้ำหาย และจะเร่งนำเรือของกลางกลับมาโดยเร็ว ทั้งนี้เชื่อว่าเรือที่หายทั้ง 3 ลำ ยังคงอยู่ในอ่าวไทย และยังไปไม่ถึงประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากเรือทั้ง 3 ลำมีน้ำมันอยู่ด้วย ทำให้เรือสามารถวิ่งได้ประมาณ 7-8 นอต และจะต้องใช้ระยะเวลาในการวิ่งเรือจากพื้นที่เกิดเหตุไปประเทศเพื่อนบ้านที่มีระยะทาง 240 ไมล์ทะเล โดยต้องใช้ระยะ 15 ชั่วโมง

ข่าวที่น่าสนใจ

ส่วนข้อสงสัยที่ว่าทำไหมเรือบรรทุกของกลางที่จอดด้วยกัน 5 ลำ จึงหายไปเพียง 3 ลำนั้น ด้วย เรือบรรทุกน้ำมัน 3 ลำที่หายนั้น จากสืบข้อมูลเชิงลึก เรือทั้ง 3 ลำ มีเจ้าของและเป็นเรือของผู้มีอิทธิพลเรื่องน้ำมันเถื่อนในพื้นที่ปัตตานี และเหตุที่คาดการว่าเรือทั้ง 3 ลำจะไปประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยเจ้าของเรือคาดว่าอีก 2 ลำ เป็นเรือไม่มีเจ้าของ แต่ถูกดำเนินคดีในข้อหาเดียวกัน สำหรับลูกเรือที่จับได้ทั้งหมด 28 คน และหายไปกับเรือ 3 ลำ 18 คน ทั้งนี้ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางสั่งลงมาให้ดำเนินคดีกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง หากพบเจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นใจและปล่อยเรือออกไปก็จะดำเนินคดี เพราะไม่ทำหน้าที่เท่าที่ควร มีอะไรกับเป้าหมายหรือไม่ รับรองว่าการเข้ามาทำหน้าที่ของตนตรงไปตรงมา หากพบเจ้าหน้าที่นายไหนมีส่วนเกี่ยวข้องพร้อมดำเนินคดี 157 ทันที และเชื่อว่าบนเรือไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในเรือของกลาง อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้มีการประสานเจ้าหน้าที่ทางการกัมพูชา ให้ช่วยติดตามหาเรือทั้ง 3 ลำแล้ว พร้อมเตรียมออกหมายจับลูกเรือที่หนีไป

ด้าน พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผู้กำกับ 5 กองบังคับการตำรวจน้ำ เปิดเผยว่า เรือ 3 ลำได้ยึดเป็นของกลางในคดี ทั้งเป็นคดีของพนักสอบสวนกลางและกรมสรรพสามิต ซึ่งเรือแต่ละลำมีทะเบียนเรือไม่ตรงกับข้อมูลเรือ บางลำไม่มีทะเบียนเรือ และจากการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกพบว่าเรือ 3 ลำ ที่หายไปเป็นเจ้าของเดียวกัน ส่วนการจับกุมเรือบรรทุกน้ำมันทั้ง 5 ลำ นั้น ด้วยมีการขนถ่ายน้ำมันกลางทะเลในฝั่งทะเล ออกทะเลอันดามัน เพื่อจะเอาน้ำมันเข้ามาในราชอาณาจักร จึงมีการจับกุม ส่วนการจัดเก็บของกลางตามระเบียบ สตช. ระบุให้พนักงานสอบสวนเป็นผู้ดูแล และหากของกลางเป็นประเภทเรือ ของกลาง จะต้องให้ตำรวจน้ำในพื้นที่ดูแล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ป.ป.ช."ชี้มูลผิด "ภูมิ สาระผล" อดีตรมช.พาณิชย์ ยื่นร้องยึดทรัพย์เกือบ 20 ล้าน
"จิราพร" ลั่นแจ้งได้เลย ปมตู้คีบตุ๊กตา หลังผู้ปกครองหวั่นมอมเมาเยาวชน ยืนยันสคบ.ทำงานเชิงรุก
"สรรเพชญ" จี้ 2 กระทรวง เร่งแก้ปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ ตรวจสอบโครงสร้างระบบรับซื้อ-จำหน่าย หยุดเอาเปรียบเกษตรกร
"แม่ฮ่องสอน" ระส่ำ! วันเดียวแผ่นดินไหว 3 ครั้ง หนักสุดขนาด 3.8 ชาวบ้านรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน เตรียมซ้อมแผนอพยพ
"กทม." เตือน ค่าดัชนีความร้อนวันนี้ อยู่ในเกณฑ์ "อันตราย" แนะเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) อาชีวะจีนประดิษฐ์ 'ตู้เย็นคาร์บอนต่ำ'ใช้เองในหอพัก
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ลวดลาย 'ต้นไม้ยักษ์' แผ่กิ่งก้านบนทุ่งหญ้ามองโกเลียใน
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ‘บริษัทไทย' รับออเดอร์หลักล้านดอลลาร์ในงานกว่างโจวแฟร์
เกิดเหตุเครื่องบินเล็กตก หน้าชายหาดชะอำ เพชรบุรี เบื้องต้นมีรายงานพบผู้เสียชีวิต 2 ราย
"ธรรมนัส" สวน "เต้ มงคลกิตติ์" ว่าไปเรื่อย ยันไร้ใบสั่งนายใหญ่ เบรก "กัน จอมพลัง" หยุดยุ่งคดีลุงป้า แจงมูลนิธิฯพร้อมซื้อรถให้แทนคันเก่า

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น